"รู้ชีวิตมีราคา ก็เพราะโลก
รู้ชีวิตมีคุณค่า ก็เพราะรัก"
-Rabindranath Tagore-
วารสารปราชญ์ประชาคมปีที่ 3 ฉบับที่ 5 (กันยายน-ตุลาคม 2568) ข่าวประกาศจากสำนักพระราชวังว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 21.21 น. สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา นับเป็นความวิปโยคโศกเศร้าอย่างหาที่สุดมิได้ของพสกนิกรไทย และการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สำนักพระราชวังจัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวายมีกำหนด ๑ ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป
ข่าวการสูญเสียเสาหลักของประเทศหรือทรัพยากรบุคคลสำคัญของชาติบ้านเมือง ถือว่าเป็นความวิกฤติทางจิตใจของปวงชนชาวไทย แม้จะตระหนักรู้ว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปตามวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตก็ตาม ถึงกระนั้นวิสัยสามัญของปุถุชนทั่วไปย่อมหวั่นไหวไปตามแรงเร้าของโลกธรรมที่คอยพร่ำเตือนเสมือนปลอบประโลมใจในยามพรากจากกัน “อวสานของบางสิ่ง คือ การเริ่มต้นของบางอย่างเสมอ” และอีกหนึ่งวิกฤติปัจจุบันของสังคมไทยคือเป็นยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เช่น การลดลงของคำสั่งซื้อจากต่างประเทศและความผันผวนทางเศรษฐกิจในต่างประเทศที่นำไปสู่ผลกระทบด้านกำลังซื้อและค่าใช้จ่ายการครองชีพที่สูงขึ้น ควบคู่ไปกับราคาสินค้าที่สูงเกินเอื้อมสุดสอย ผู้มีทรัพย์น้อยจึงได้แค่ฝันแล้วปล่อยให้ลอยไปกับจินตนาการ เช่น ราคาทองคำบาทละเกือบหกหมื่น สมาร์ทโฟนยี่ห้อดังราคาเครื่องละหย่อนห้าหมื่นบาท
ชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีมาก
มีแค่พอดี และรู้จักพอใจ
ขณะที่บ้านเมืองไทยจำต้องทนทุกข์ยากเพราะพิษเศรษฐกิจ หากว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นของขวัญที่จะมอบให้แก่กันและกันได้ ก็จงบริจาคทานด้วยคำพูดที่สวยงาม รอยยิ้มที่อ่อนโยน และจงอยู่ร่วมกับผู้คนด้วยมิตรภาพที่มีความปรารถนาดีต่อกัน และ “ปราชญ์ประชาคม” วารสารแห่งการเรียนรู้ พบว่าพื้นที่การศึกษานั้นสำคัญที่สุด คือการสร้างคนให้มีคุณภาพย่อมเป็นการสร้างเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต เพราะหากคนในชาติไทยไร้หลักความรู้วิทยาการ คงจะไม่สามารถตามเท่าทันศักยภาพของชาติอื่นได้อย่างแน่แท้ ดังนั้นการสร้างคุณค่าทางการศึกษาไว้สำหรับปัจเจกชนจึงสำคัญ อีกทั้งความหมายอันยิ่งใหญ่ในชีวิต จะสถิตอย่างสง่างามท่ามกลางมหาชนได้ ก็ต่อเมื่อปราชญ์เมธีในชาติร่วมด้วยช่วยกันรังสรรค์บทความวิชาการแล้วเผยแพร่สู่สาธารณะอันได้กระทำอยู่เช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นเอง
บรรณาธิการ
เผยแพร่แล้ว: 2025-10-31