การศึกษาพฤติกรรมของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ของโรงเรียนประถมสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีการศึกษา 2549
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ 3
กลุ่ม คือ กลุ่มเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ เด็กออทิสติก และเด็กสมาธิสั้น และเพื่อศึกษาแนวทาง
การให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ กลุ่มตัวอย่างได้มาแบบเจาะจง
จากผลการประชุมกลุ่มและระดมสมองเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของกลุ่มตัวอย่างกรณีศึกษาของ
นักเรียนโรงเรียนประถมสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ (1) แบบทดสอบความ
สามารถในการรับและแปลผล (2) แบบสำรวจปัญหาการเรียนรู้เฉพาะด้าน (3) แบบจำแนก
พฤติกรรมนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ กลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เด็กออทิสติก
และเด็กสมาธิสั้น การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสังเกต สัมภาษณ์ และการใช้เครื่องมือรวบรวมข้อมูล
ประกอบกับการระดมสมอง (Brainstorming) การสัมภาษณ์กลุ่ม (Group Interview) การประชุมกลุ่ม
(Group Meeting) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความเที่ยงตรงในเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัยพบว่า
จากการทำแบบทดสอบความสามารถในการรับและแปลผล มีนักเรียนที่มีแนวโน้มพฤติกรรม
ของเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ (LD: Learning Disability) จำนวน 7 คน และ จากการทำแบบสำรวจ
ปัญหาการเรียนรู้เฉพาะด้าน พบว่ามีนักเรียนมีปัญหาด้านการอ่าน 14 คน ด้านการเขียน 17 คน และ
ด้านคณิตศาสตร์ 7 คน ทั้งนี้ครูผู้สอนได้ช่วยเหลือโดยจัดสอนเสริมให้นักเรียนเป็นรายบุคคลในสาระ
การเรียนรู้ที่นักเรียนมีความบกพร่องหลังเลิกเรียน และจัดสอนเสริมในช่วงปิดภาคให้แก่เด็กออทิสติก
ส่วนเด็กที่มีแนวโน้มพฤติกรรมกลุ่มเด็กออทิสติก (Autism) จากการทำแบบจำแนกพฤติกรรม
นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ พบว่ามีจำนวน 2 คน ในการช่วยเหลือเด็กนั้น ครูผู้สอนพยายาม
ปรับพฤติกรรมของนักเรียนโดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมมากขึ้น นอกจากนี้เด็กที่มีแนวโน้ม
พฤติกรรมกลุ่มเด็กสมาธิสั้น (ADHD: Attention Deficit Hyperactivity Disorder) จากการทำแบบ
จำแนกพฤติกรรมนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ พบว่ามีจำนวน 15 คน ในการช่วยเหลือเด็กนั้น
ครูได้ช่วยเหลือเด็กให้สามารถเรียนรู้ในห้องเรียน โดยให้เด็กมานั่งใกล้ครูเพื่อจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
และย้ายที่นั่งไม่ให้เด็กนั่งใกล้หน้าต่างหรือประตู และยังมอบหมายให้เด็กช่วยกิจกรรมในห้องเรียน
ในส่วนของผู้ปกครอง หลังจากครูได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียน ผู้ปกครองที่ยอม
รับฟังปัญหาพฤติกรรมดังกล่าวได้พาเด็กไปให้แพทย์ตรวจสอบและวินิจฉัย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสารเอกสารอ้างอิง
กุลยา ก่อสุวรรณ (2549). เด็กไทยกว่าล้านเสี่ยงจัด "บกพร่องอ่านเขียนผิด". สืบค้นวันที่
สิงหาคม 2549 จาก http://tnews.teenee.com/etc/3639.html
เพ็ญแข ลิ่มศิลา (2545). คู่มือฝึกและดูแลเด็กออทิสติกสำหรับผู้ปกครอง. สมุทรปราการ:
โรงพยาบาลยุวประสารทไวทโยปถัมภ์. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
วิชาการ, กรม (2542). แนวการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะ เก่ง ดี มีสุข.
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กรมการศาสนา.
วิชาการ, กรม (2543). การพัฒนาเด็กออทิสติก. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้าว.
ศึกษาธิการ, กระทรวง (2545). ถาม-ตอบปัญหาการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม.
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักนายกรัฐมนตรี (2545). พระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ:
บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ, ภารกิจโครงการและประสานงานวิจัย (2549).
การพัฒนาศักยภาพบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ สมาธิสั้น และ
ออทิสซึม. กรุงเทพฯ: เอกสารประกอบการสัมมนาทางวิชาการ.
Clore, Christine W. (2006). Social Skills Use of Adolescents With Learning
Disabilities: An Application of Bandura's Theory of Reciprocal Interaction
(Albert Bandura). USA: University of North Texas.