การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคเลปโตสไปโรซิสในพื้นที่ อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง
คำสำคัญ:
โรคเลปโตสไปโรซิส, ด็อกซีไซคลินบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory action research) เพื่อพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคเลปโตสไปโรซิสในพื้นที่อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม 4 ขั้นตอน ได้แก่ การวิเคราะห์ปัญหา การจัดทำและปฏิบัติตามแผน การพัฒนารูปแบบโดยภาคีเครือข่าย และการประเมินผลควบคู่กับการดำเนินงานจริง ผลการศึกษานำไปสู่รูปแบบการดำเนินงาน
ที่เหมาะสม ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การวิเคราะห์ปัญหาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2) การคืนข้อมูลสถานการณ์โรคแก่ชุมชนและเครือข่ายสุขภาพ 3) การสื่อสารและถ่ายทอดความรู้สู่กลุ่มเป้าหมาย 4) การปรับระบบบริการสุขภาพโดยเน้นมาตรการ Early treatment และการสำรองยาด็อกซีไซคลินในสถานบริการปฐมภูมิ 5) การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย เช่น ร้านขายยาและภาคประชาชน เพื่อร่วมวางแผนและขับเคลื่อนมาตรการป้องกันควบคุมโรค และ 6) การเสริมสร้างศักยภาพประชาชนในการดูแลตนเองและส่งเสริมบทบาทอาสาสมัครสาธารณสุขในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และสื่อสารความเสี่ยงในชุมชน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดอุทกภัย ผลลัพธ์หลังดำเนินงานในระยะเวลา 6 เดือน พบว่า จำนวนผู้ป่วยลดลงและไม่พบผู้เสียชีวิต สะท้อนถึงความเป็นไปได้ในการนำรูปแบบดังกล่าวไปประยุกต์ใช้หรือขยายผลในพื้นที่ที่มีบริบทคล้ายคลึงกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคเลปโตสไปโรซิสในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายละเอียดของโรคเลปโตสไปโรซิส. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2566 จาก https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=16.
พรพิทักษ์ พันธ์หล้า, และวิมวิการ ศักดิ์ชัยนานนท์. แนวทางการป้องกันและควบคุมโรคเลปโตสไปโรซิส โดยใช้หลักการทางระบาดวิทยาและการทําประชาสังคมในชุมชน. กรุงเทพฯ, สํานักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์. 2564.
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ระบบเฝ้าระวังโรค R506. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2566 จาก https://doe1.moph.go.th/surdata/disease.php?ds=43.
Crane P, and O’Regan M. On PAR using participatory action research to improve early Intervention. Department of Families Housing Community Services and Indigenous Affairs Publishing. 2010. p.11-6.
กรมควบคุมโรค สำนักงานโครงการควบคุมโรคเลปโตสไปโรซิส และกองโรคติดต่อทั่วไป. คู่มือวิชาการโรคเลปโตสไปโรซิส. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี, โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. 2558.
อัญชนา ประศาสน์วิทย์. หนู การสำรวจประชากรและการควบคุม. นนทบุรี, โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. 2557.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. คู่มือการเก็บตัวอย่างและความปลอดภัย. นนทบุรี, บริษัท เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด. 2557.
Bloom BS, Hastings JT, and Madaus GF. Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York, McGraw–Hill. 1971.
Best JW. Research in Education. 3rd ed. New Jersey, Prentice Hall. 1977.
Kuder GF, and Richardson MW. The theory of the estimation of test reliability. Psychometrika Journal. 1937; 2(3): 151 - 60. DOI: 10.1007/BF02288391.
Cronbach LJ. Essentials of psychological testing. 5th ed. New York, Harper & Row. 1990.
มยุรี สิมมะโรง. รูปแบบการป้องกันและควบคุมโรคเลปโตสไปโรซีสของประชาชนในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหว้าน อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีษะเกษ. วารสารวิจัยและพัฒนาสุขภาพศรีสะเกษ. 2565; 1(1): 29-41.
พิทยา แต่งเกลี้ยง, และสุมลรัตน์ ขนอม. การพัฒนาแนวทางการควบคุมและป้องกันโรคเล็บโตสไปโรซีส จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารศาสตร์สุขภาพและการศึกษา. 2568; 5(1): 87-104.
ทองคำ อินตะนัย. ผลของโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมและการมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคเลปโตสไปโรซีสของประชาชนตำบลโคกตาล อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 2567; 9(5): 725-34.
Whitehead M. The concepts and principles of equity and health. Copenhagen, WHO Regional Office for Europe. 1991.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการศึกษาและวิจัยการสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
