สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มโรงเรียนเครือข่ายนครธรรม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนเครือข่ายนครธรรม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สระแก้ว เขต 2 และเพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนเครือข่ายนครธรรม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สระแก้ว เขต 2 จำแนกตาม เพศ วุฒิการศึกษา ตำแหน่งและประสบการณ์การทำงาน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 10 คน และครูผู้สอน จำนวน 93 คนรวมทั้งสิ้น 103 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยใช้สุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน (Stratified Random Sampling) กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของ เครจซี่และ มอร์แกน(Krejcie and Morgan) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม มาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จำแนกเป็น 2 ส่วน คือ (1) แบบสอบถามข้อมูลสถานภาพ มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .97 (2) แบบสอบถามเกี่ยวกับสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) การทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่าที (t-test แบบ Independent Samples) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ผลการศึกษาพบว่า 1) สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนเครือข่ายนครธรรม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษารายด้านแล้ว พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ สมรรถนะการทำงานร่วมกันเป็นทีม อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในอันดับแรก และค่าเฉลี่ยต่ำสุดเป็นอันดับสุดท้าย คือ สมรรถนะการให้บริการที่มีคุณภาพ อยู่ในระดับมาก 2) ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา เมื่อพิจารณาจำแนกตามเพศ และจำแนกตามประสบการณ์ พบว่าแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ แต่เมื่อจำแนกตามวุฒิการศึกษาพบว่าสมรรถนะการมุ่งผลสัมฤทธิ์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 และ จำแนกตามตำแหน่ง พบว่าสมรรถนะการมีวิสัยทัศน์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: อักษรไทย.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ.:.โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
“ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2548,” (5 กันยายน 2548).ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 122 ตอนพิเศษ 76 ง. หน้า 44 - 46.
คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก.พ.ร.(2548) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย. (พ.ศ.2546-2550). กรุงเทพฯ:สํานักงาน ก.พ.ร.
ฐิฏรฐาว์ ศรีจันทร์เวียง. (2553 ). สมรรถนะผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี.
พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2546). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว.
สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน.2553. คู่มือการกำหนดสมรรถนะในราชการพลเรือน : คู่มือสมรรถนะหลัก. กรุงเทพฯ: บริษัท ประชุมช่าง จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, พระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (2 ฉบับที่) พ.ศ. 2551 กรุงเทพมหานคร.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา.(2548). หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2548). คู่มือหลักสูตรการพัฒนา ข้าราชการครูเพื่อให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยาฐานะชำนาญการพิเศษ. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา.
สำนักพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพ. (2549). ชุดวิชาการจัดการเรียนรู้โครงการพัฒนาวิชาชีพผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาประจำการ. กรุงเทพฯ : สำนักพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพ.
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2556). พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546. พิมพ์ครั้งที่6. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.