การพัฒนารูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุราษฎร์ธานี ชุมพร
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็น 2) พัฒนารูปแบบฯ และ 3) ประเมินรูปแบบฯ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา มี 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 130 คน ได้มาจากการเทียบสัดส่วนตามขนาดของสถานศึกษาจากนั้นใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน เครื่องมือที่ใช้เป็น แบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์แบบอุปนัย และขั้นตอนที่ 3 ประเมินรูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเดียวกับขั้นตอนที่ 1 เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
1) ความต้องการจำเป็นมากที่สุด คือ ด้านการบริหารวิชาการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 2) รูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มี 6 ส่วน คือ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) ขอบข่ายการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มี 4 องค์ประกอบ คือ การบริหารวิชาการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การบริหารงบประมาณโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การบริหารทั่วไปโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน และการบริหารงานบุคคลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (4) กระบวนการดำเนินงาน (5) ประสิทธิผลของรูปแบบ และ (6) เงื่อนไขสู่ความสำเร็จ และ 3) รูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมาก ทุกด้าน
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2566). ศธ.แถลงผลการประเมิน PISA 2022 ชี้แจงสาเหตุอันดับเด็กไทยขยับลงลุยหาทางออกลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำการจัดการเรียนรู้. สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2566, จาก https://moe360.blog/2023/12/07/pisa-2022/
กิริญณภา หนูอินทร์. (2562). การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน. วารสารสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย, 1(4), 33.
จามจุรี จำเมือง. (2558). คู่มือเตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง.
จิตติมา อัครธิติพงศ์. (2561). แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคไทยแลนด์ 4.0. วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์, 20(1), 1478.
จิตรจรูญ ทรงวิทยา. (2561). ทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา. วารสารวิชาการร้อยแก่นสาร, 3(1), 54.
ชิรวัฒน์ นิจเนตร. (2560). การวิจัยพัฒนารูปแบบทางสังคมศาสตร์และการศึกษา. วารสารราชภัฏสุราษฎร์ธานี, 4(2), 81.
ธีระ รุญเจริญ. (2550). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.
นที มณีรัตน์. (2565). ประสิทธิผลโรงเรียน. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 8(1), 327.
นฤมล พุฒิฤทธิ์. (2566). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
พิชญ์สิชา พงษ์พันแพงพะงา. (2563). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษา โดยใช้กลุ่มโรงเรียนเป็นฐานของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1. วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์, 3(2), 43.
มิรินทร์ พนมอุปการ. (2563). การพัฒนารูปแบบการบริหารตามแนวคิดโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาโรงเรียนบ้านดาหลำ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2567, จาก https://research.otepc.go.th/files/C_ok1jib72.pdf
วาสนา สีแดง. (2562). การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานของโรงเรียนห้วยกระเจาพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุราษฎร์ธานี ชุมพร. (2565). รายงานผลการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565. สืบค้นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2566, จากhttps://www.spmsnicpn.go.th/th/download/plan/report_2565.pdf
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2565). แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566 - 2570) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2561). การพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2562). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Krejcie, R.V., and D.W. Morgan. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607 – 610.
