การจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมระดับขนาด 3 – 4 ดาว ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ (1) เพื่อประเมินผลการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาดระดับ 3-4 ดาว ในเขตพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาดระดับ 3-4 ดาว ในเขตพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (3) เพื่อนำเสนอแบบจำลองการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาดระดับ 3-4 ดาว ในเขตพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน การวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 13 คน ได้แก่ เจ้าของกิจการ ผู้จัดการทั่วไปและผู้จัดการฝ่ายของการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาดระดับ 3–4 ดาว ในเขตพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ผู้บริหารระดับกลาง และระดับสูงของการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาดระดับ 3–4 ดาว ในเขตพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เก็บข้อมูลโดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์แก่นสาระ การวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ได้แก่ นักท่องเที่ยวเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว
ผลการวิจัย (1) ด้านการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาด 3–4 ดาว ในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี การจัดการเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจโรงแรมขนาด 3-4 ดาว ในอำเภอชะอำ เป็นธุรกิจแบบครอบครัวเจ้าของธุรกิจเป็นผู้ตัดสินใจและมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการเชิงกลยุทธ์ มีความคล่องตัวในการบริหาร จัดการสูง แต่อาจขาดความคิดเห็นรอบด้าน (2) ด้านการนำเสนอแนวทางการจัดการเชิงกลยุทธ์ของโรงแรมขนาด 3-4 ดาว พบว่า แนวทางการจัดการเชิงกลยุทธ์ ผู้บริหารควรมีภาวะผู้นำสูง วิสัยทัศน์ในการจัดการธุรกิจที่เน้นความอยู่รอดในทุกสภาวะการเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ที่เน้นการรักษาบุคลากรให้อยู่ในองค์การ กลยุทธ์การตลาดในเชิงนวตกรรมที่อาศัยเทคโนโลยีข่าวสารข้อมูลและกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า กลยุทธ์การเติบโตขององค์การตามหลักสมดุล
Article Details
References
กระทรวงการท่องเที่ยว. (2564). สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ รายจังหวัด ปี 2563 (Domestic Tourism Statistics) ( Classify by region and province 2020).
จันทิมา รักมันเจริญ. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการที่พักประเภท โรงแรม และรีสอร์ทของนักท่องเที่ยวชาวไทยในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี.
ฉลองศรี พิมลสมพงศ์ (2539). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. มนุษยศาสตร์วิขาการ, 4(1), 23-43.
ธนภร จรูญนิมมาน และ ตรีเนตร ตันตระกูล (2562). การจัดการธุรกิจโรงแรมเพื่อการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน. วารสารเกษมบัณฑิต, 20(2), 158-167.
ณตา ทับทิมจรูญ. (2561). การประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อรองรับ Prosumer 4.0. วารสารปัญญาภิวัฒน์. 10(1), 261-273.
ธนาภา พรประทานเวช. (2558). แนวทางการพัฒนาโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรม: กรณีศึกษาการปรับปรุงตึกแถวในอำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง, สาขาวิชาสถาปัตยกรรม.
บุหลันฉาย สมรรถนเรศวร์ อมรา รัตตากร และชยุตม์ วะนา. (2561). กลยุทธ์การจัดการที่ยั่งยืนของธุรกิจขนาดกลาง ประเภทโรงแรมและที่พักในกรุงเทพมหานคร. วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ, 9(1), 41-53. พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547.
สานิตย์ หนูนิล. (2559). การพัฒนาโมเดลความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงกลยุทธ์เพื่อผลการดําเนินงานที่ยั่งยืนของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย. วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี, 11(พิเศษ), 171-185
ชุลีพร วิรุณหะ และคณะ (มกราคม–มิถุนายน 2018). 'ประตูสู่อุษาคเนย์': มุมมองใหม่ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์เมืองเพชรบุรี. วารสารอักษรศาสตร์. มหาวิทยาลัยศิลปากร. 40 (1): 11–50. eISSN 2672-9709.
รมย์ประภา บุญทะระและสุวัฒนา ตุ้งสวัสดิ์. (2020) .วัฒนธรรมองค์กรที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา สายสนับสนุน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. วารสารการจัดการและการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 7(2), 213-226.
วรางคณา นิพัทธ์สุขกิจ. (สิงหาคม 2018 – กรกฎาคม 2019). การเสด็จประพาสเมืองเพชรบุรีสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 6. วารสารประวัติศาสตร์. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 43: 47–72.
วรชาติ ดุลยเสถียร. (2559). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ในประเทศไทย. Veridian E -Journal,Silpakorn University (Humanities, Social Sciences and arts). 9(2), 2057-2070.