แนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการของโรงเรียนในสหวิทยาเขตธรรมจักร ตามแนวคิดจรณทักษะ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบบรรยาย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นของการพัฒนาการบริหารวิชาการของโรงเรียนในสหวิทยาเขตธรรมจักร ตามแนวคิดจรณทักษะ 2) เพื่อนำเสนอแนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการของโรงเรียนในสหวิทยาเขตธรรมจักร ตามแนวคิดจรณทักษะทางพฤติกรรม ประชากรที่ศึกษา คือ โรงเรียนในสหวิทยาเขตธรรมจักร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท จำนวน 6 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียนจำนวน 6 คน รองผู้อำนวยการโรงเรียนจำนวน 7 คน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 48 คน และครูจำนวน 101 คน รวมจำนวน 162 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามลักษณะมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ฐานนิยม และการจัดลำดับความต้องการจำเป็น (PNImodified) ผลการวิจัย พบว่า1) การบริหารวิชาการของโรงเรียนในสหวิทยาเขตธรรมจักร ที่มีความต้องการจำเป็นสูงที่สุด คือ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนและแหล่งเรียนรู้ รองลงมา คือ การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาหลักสูตร และ การวัดและประเมินผล ตามลำดับ ซึ่งการบริหารวิชาการทั้งหมดมีองค์ประกอบจรณทักษะที่มีค่าความต้องการจำเป็นสูงที่สุด คือ การคิดขั้นสูง 2) แนวทางพัฒนาการบริหารวิชาการของโรงเรียนในสหวิทยาเขตธรรมจักร ตามแนวคิดจรณทักษะ โดยนำเสนอตามลำดับความต้องการจำเป็น 4 อันดับ มีทั้งหมด 4 แนวทาง ดังนี้ (1) พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นในการกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร มุ่งเน้นส่งเสริมจรณทักษะ ด้านการคิดขั้นสูง (2) พัฒนากระบวนการเรียนรู้โดยส่งเสริมให้ครูผู้สอน จัดทำแผนการเรียนรู้ โดยบูรณาการแนวคิดจรณทักษะ ด้านการคิดขั้นสูง ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ (3) ยกระดับการสร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้โดยการเพิ่มพื้นที่นักประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีจรณทักษะด้านการคิดขั้นสูง และ (4) ปรับปรุงการดำเนินการวัดและประเมินผลของสถานศึกษาให้เป็นไปตามสภาพจริง มุ่งเน้นการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ตามแนวคิดจรณทักษะ ด้านการคิดขั้นสูง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). คู่มือการปฏิบัติงานข้าราชการครู. Retrieved from http://www.kuchinarai.ac.th/document/57/Job02.pdf
จามจุรี จำเมือง. (2552). รูปแบบภาวะผู้นาที่มีประสิทธิผลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
จรุณี เก้าเอี้ยน. (2557). เทคนิคการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา กลยุทธ์และแนวทางการปฏิบัติสําหรับผู้บริหารมืออาชีพ. สงขลา : ชานเมืองการพิมพ์.
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์.(2552). 80 นวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ: แดเน็กซ์ อินเตอร์คอร์เปรชั่น.
บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2554). การพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2543). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ.
พรปภัสสร ปริญชาญกล. (2546) การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเชิงประสบการณ์เพื่อ เสริมสร้างทักษะการทำงาน สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาศิลปะศาสตร์ในสถาบัน
ราชภัฏ . จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย/กรุงเทพฯ.
รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2550). การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.
สาคร สุขศรีวงศ์ .(2553). การจัดการ: จากมุมมองนักบริหาร. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: จี.พี.ไซเบอร์พรินท์
สาวิตรี สิทธิชัยกานต์ และลัดดาวัลย์ เพชรโรจน์. (2562). รูปแบบการบริหารวิชาการตามแนวคิดสะ เต็มศึกษาของโรงเรียนในเครือข่ายศูนย์สะเต็มศึกษาภาค. วารสารวิจัย และพัฒนาหลักสูตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 9(1), 17-32
สุนทร โคตรบรรเทา. (2552). หลักการและทฤษฎีการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ : ปัญญาชน.
สมาน อัศวภูมิ. (2551). การบริหารการศึกษาสมัยใหม่ (พิมพ์ครั้งที่ 3). อุบลราชธานี : อุบลกิจออฟเซทการพิมพ์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). คู่มือการ ใช้หลักสูตรรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ). มปท.
สำนักงานแรงงานจังหวัดชัยนาท.(2564). สารสนเทศข้อมูลสถานภาพแรงงานไตรมาส 1 ปี 2564.[เข้าถึงเมื่อวันที่ 20 กันยายน. 2564]. เข้าถึงได้จาก https://chainat.mol.go.th.
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดชัยนาท.(2564). สารสนเทศข้อมูลจำนวนนักเรียน.[เข้าถึงเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564]. เข้าถึงได้จาก https://www.cntpeo.go.th/
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). รายงานผลการวิจัยและพัฒนากรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาตอนต้นสำหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: ปริษัท 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2552). คู่มือการปฏิบัติงานข้าราชการครู. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานฯ.
Carrol. (2014). The gap in soft skills perceptions: a dyadic analysis. Emerald Publishing Limited, 62(4).
Dunne & Martin. (2006). Developing Soft Skills in Students. The International Journal of Learning Annual Review, 15.
Gallagher. (2018). Rethinking the Soft Skills Deficit Blame Game: Employers, Skills Withdrawal and the Reporting of Soft Skills Gaps. Human Relations 69 (3): 605–628.
Koh et al.(2015). An exploratory study identifying soft skill competencies in entry-level managers. Tourism and Hospitality Research, 9(4), 353- 361.
Krejcie, R.V. and. D.W.Morgan. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Education and Psychological Measurement, 30: 608-609.
Rex. (2017). Soft Skills Needed for the 21 Century Workforce. Doctor of Business Administration, Walden University.
Roozenburg et al. (2011). Towards a Designer-Centred Methodology: Descriptive Considerations and Prescriptive Reflections.
Schwab, K. (2017). The fourth industrial revolution: Currency. New York: Crown Publishing Group.
Taylor, P. C. (2016). Why is a STEAM curriculum perspective crucial to the 21st century? Research conference 2016 (pp. 89-93).
Torrance (1965) The Role of Visual Learning in Improving Students’ High-Order Thinking Skills. Journal of Education and Practice, 7(24), 115-121
UNDERSTANDING MY JOURNEY. (2020). A TOOLKIT for Soft Skills Development for Young People. Co-funded by the Erasmus Programme of the European Union.