การส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน 2) เปรียบเทียบการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน จำแนกตามตำแหน่ง ประสบการณ์ทำงาน และขนาดสถานศึกษา และ 3) ศึกษาแนวทางการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ปีการศึกษา 2564 จำนวน 473 คน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่ได้รางวัลด้านการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาค และระดับชาติ จำนวน 6 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น (reliability) 0.96 และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ, ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, การทดสอบค่าที (t-test) และการทดสอบค่าเอฟ (F-test) ผลการวิจัย 1) สภาพการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก 2) สภาพการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญตามความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน จำแนกตามตำแหน่ง และขนาดสถานศึกษา พบว่า โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามประสบการณ์ทำงาน พบว่า โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) แนวทางการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ได้แก่ 1) ด้านการส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในการทำวิจัยในชั้นเรียน ควรจัดทำนโยบายการทำวิจัยในชั้นเรียนให้เป็นรูปธรรม สนับสนุนงบประมาณ จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดระบบการนิเทศ ติดตามอย่างจริงจัง 2) ด้านการให้ครูผู้สอนมีความรู้เกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน ควรจัดการอบรมการประชุมเชิงปฏิบัติการ เชิญวิทยากรมาให้ความรู้และแนวทางในการทำวิจัยที่ถูกต้อง และจัดให้มีการศึกษาดูงานด้านการวิจัยโดยเฉพาะ 3) ด้านการให้ความยอมรับนับถือครูผู้สอนทำวิจัยในชั้นเรียน ควรคัดเลือกครูผู้สอนที่มีผลงานการทำวิจัยในชั้นเรียนดีเด่นและยกย่องชมเชยครูผู้สอนที่มีผลงานการทำวิจัยในชั้นเรียน และ 4) ด้านการส่งเสริมความก้าวหน้าของครูผู้สอนที่ทำวิจัยในชั้นเรียน ควรกำหนดนโยบายพิจารณาให้ความดีความชอบและส่งเสริมให้ครูผู้สอนที่มีผลงานการวิจัยในชั้นเรียนให้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่การงานหรือการขอเลื่อนวิทยฐานะที่สูงขึ้น
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ, สำนักงาน. (2564). ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา ปีการศึกษา 2564 (ฉบับปรับปรุง). อุบลราชธานี: กลุ่มนโยบายและแผน,
_______. รายงานผลการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564. อุบลราชธานี: กลุ่มนโยบายและแผน,
จามรี เชื้อชัย. การส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน (สัมภาษณ์) ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษษอุบลราชธานี อำนาจเจริญ, 25 เมษายน 2565.
เจนจิรา ธีรวิโรจน์. (2560). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,
ธีระ รุญเจริญ. (2553). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.
_______. (2553). ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการศึกษาปฏิรูปการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) เพื่อปฏิรูปรอบสอง และประเมินภายนอกรอบสาม. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.
นัทริดา นามแดง. (2558). สภาพการปฏิบัติการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
เลขาธิการสภาการศึกษา, สำนัก. (2557). รายงานการวิจัยแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
วุฒิภัทร แก้วกลึงกลม. (2556). การส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารตามความคิดเห็นของข้าราชการครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
ศรีสุดา ประผะลา. (2557). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของโรงเรียนคาทอลิก สังฆมณฑลอุบลราชธานี. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2553. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2562. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
สายฝน ขันแก้ว. (2559). ความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษากับการส่งเสริมการทำงานวิจัยในชั้นเรียนของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์.
สุพัฒตรา สวัสดิ์พานิชย์. (2552). การศึกษาบทบาทของผู้บริหารในการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานช่วงชั้นที่ 1-2 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาญจนบุรี. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2559). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สัจจา พรมเมตตา. (2554). บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนที่มีต่อการทำวิจัยใชั้นเรียนของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,
Kerlinger, N.F. (1986). Foundations of Behavioral Research. 3rd ed. New York: Holt Rinehard & Winston, Inc.,.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities,” Educational and Psychological Measurement. 30, 3 (1970): 607-610.
Neuman,W.L. (1991). Social Research Methods : Qualitative and Quantitative Approaches. Boston: Allyn and Bacon.