ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยมที่ปรากฏในคำสอนเรื่องทิศ 6

Main Article Content

เสถียร ทั่งทองมะดัน

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม 2) เพื่อศึกษาหลักคำสอนเรื่องทิศ 6 และ 3) เพื่อศึกษาทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยมที่ปรากฏในหลักคำสอนเรื่องทิศ 6 เป็นการศึกษาเชิงอกสาร จากการศึกษาพบว่า ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยมอธิบายลักษณะของสังคม โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า สังคมเหมือนอินทรีย์ที่มีชีวิตอย่างหนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่มีชีวิตระดับสูง ทฤษฎีนี้อธิบายความเป็นปึกแผ่นของสังคมว่า เนื่องด้วยส่วนประกอบต่างๆ ของสังคมที่มารวมกันเป็นโครงสร้างทางสังคม โดยแต่ละส่วนประกอบของสังคมทุกส่วนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ หลักคำสอนเรื่องทิศหก กล่าวถึงความสัมพันธ์ของบุคคลประเภทต่างๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ดุจทิศที่อยู่รอบตัวจัดเป็น 6 ทิศ คือทิศเบื้องหน้า ทิศเบื้องขวา ทิศเบื้องหลัง ทิศเบื้องซ้าย ทิศเบื้องบน และทิศเบื้องล่าง ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยมในหลักคำสอนเรื่องทิศ 6 สะท้อนให้เห็นระบบความสัมพันธ์เป็นระดับ การรักษาดุลยภาพของความสัมพันธ์ การทำหน้าที่ของสมาชิกในสังคมเพื่อตอบสนองความต้องการ  บุคคลอาจมีหลายบทบาทตามระดับความสัมพันธ์  สะท้อนให้เห็นสถาบันทางสังคม

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ทั่งทองมะดัน . . เ. . (2019). ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยมที่ปรากฏในคำสอนเรื่องทิศ 6. วารสารพุทธศาสตร์ มจร.อุบลราชธานี, 1(1), 45–58. สืบค้น จาก https://so12.tci-thaijo.org/index.php/JOBU2025/article/view/3847
ประเภทบทความ
บทความวิชาการ

เอกสารอ้างอิง

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, (2535). พระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิฏก, กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

_______. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

จำนงค์ อดิวัฒนสิทธิ์, (2548). สังคมวิทยาตามแนวพุทธศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

พระมหาสุทิตย์ อาภากโร, (2559). พระพุทธศาสนากับการพัฒนาสังคม. พิมพ์ครั้งที่ 2,กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สัญญา สัญญาวิวัฒน์, (2536). ทฤษฎีสังคมวิทยา : เนื้อหาและแนวการใช้ประโยชน์เบื้องต้น.พิมพ์ครั้งที่ 5,กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

E Mory S.Bogardus. (1968). The Development of Social Though. New York : David Mackay Company