บทความวิจัย กการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยจากการรับรู้ของประชาชน ตามหลักกาลามสูตร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย เพื่อเปรียบเทียบการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย จำแนกตามเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ และเพื่อศึกษาการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามหลักกาลามสูตร เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 5 คน ประชากร จำนวน 97,709 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 398 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับของลิเคิร์ท (Likert Scale) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ และวิเคราะห์เนื้อหาแบบพรรณนาวิธี ผลการวิจัยพบว่า 1. การรับรู้ของประชาชน โดยรวมและรายด้านอยู่ที่ระดับมาก (  = 3.87, S.D. = 0.71) เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ หลักนิติธรรม(  = 3.92, S.D. = 0.71) รองลงมา ได้แก่ หลักเสรีภาพ (  = 3.91, S.D. = 0.68) หลักเสียงข้างมาก  (  = 3.90, S.D. = 0.69) หลักความเสมอภาค (  = 3.82, S.D. = 0.77) และหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (  = 3.79, S.D. = 0.74) ตามลำดับ 2. ผลการเปรียบเทียบการรับรู้ พบว่า อายุต่างกัน มีการรับรู้ แตกต่างกัน (F = 3.386, Sig = .010) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า  ด้านหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (F = 3.995, Sig = .003) ด้านหลักเสรีภาพ (F = 3.214, Sig = .013) และด้านความเสมอภาค (F = 4.195, Sig = .002) มีความแตกต่างกัน 3. การรับรู้การปกครองระบอบประชาธิปไตยตามหลักกาลามสูตร คือ การออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมทางการปกครองโดยตรงและโดยอ้อม