ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง กฎหมายน่ารู้ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นไปตามเกณฑ์ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างกลุ่มทดลองที่จัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับ กับกลุ่มควบคุมที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพัทลุง จำนวน 60 คน ได้มาด้วยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิก เรื่อง กฎหมายน่ารู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับ 3) แผนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบ Independent Samples t-test
ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกเรื่อง กฎหมายน่ารู้ มีค่าประสิทธิภาพของหนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกเท่ากับ 80.11/80.22 สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มทดลองที่จัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่ากลุ่มควบคุมที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมอินโฟกราฟิกร่วมกับเทคนิคการให้ข้อมูลย้อนกลับ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.83, S.D. = 0.40)
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กัญธิยา ปันธิยะ และอภิชา แดงจํารูญ. (2564). การพัฒนาหนังสืออ่านเพิ่มเติมวิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง แหล่งอารยธรรมในทวีปเอเชีย ด้วยการเรียนรู้แบบ IMTEAC MODEL สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า. วารสาร Journal of Roi Kaensarn Academi. 6(10), 26-39.
จุฑามาศ ทิพยกระมล. (2564). ผลการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบอินโฟกราฟิก ร่วมกับการสอนที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
โชติมา หนูพริก. (2566). เทคนิคการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้: การตั้งคำถามและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้. เรียกใช้เมื่อ 18 ธันวาคม 2567 จาก http://www.curriculumand andlearning.com.
ทิศา แขมมณี (2565). การประยุกต์ใช้อินโฟกราฟิกและการให้ข้อมูลย้อนกลับในการจัดการเรียนการสอนเชิง
รุก. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 50(1), 178-193.
นพดล พรามณี. (2560). การออกแบบและการประยุกต์ใช้สื่ออินโฟกราฟิกในปัจจุบัน. วารสารเทคโนโลยี ภาคใต้. 10(1), 159-168.
พชรมน ทักคุ้ม (2564). รายงานการพัฒนาหนังสืออ่านเพิ่มเติมชุด “ภูมิปัญญาภาษาถิ่นไทย” กลุ่มสาระการ เรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. เพชรบูรณ์: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเพชรบูรณ์.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สุกัญญา จันทรแดง และคณะ (2565). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใชิอินโฟกราฟิกร่วมกับการให้ข้อมูลย้อนกลับที่
มีต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 24(2), 286-299.
อาทิตยา สีหราช. (2561). การส่งเสริมความสุขในการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดการเรียนรู้ผ่านการสะท้อนคิดด้วยการให้ข้อมูลย้อนกลับในวิชาเคมี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Lee, H., Chen, W., & Wang, Y. (2023). Developing Critical Thinking Skills Through Infographic Design and Peer Feedback: An Experimental Study. Computers & Education, 185, 234-249.