หลักธรรมานามัยกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับ ผู้สูงอายุในสังคมไทย

Main Article Content

พระมหาตะวัน พิมพ์ทอง
สุทัศน์ ประทุมแก้ว
พระอธิการอำพน จารุโภ

บทคัดย่อ

บทความวิชาการนี้มุ่งศึกษาหลักธรรมานามัยกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับผู้สูงอายุในสังคมไทย ผลจากการศึกษาพบว่า สังคมไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากมีสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผู้สูงวัยจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพกาย การเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และความพิการ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงบทบาททางสังคม ครอบครัว การสูญเสียรายได้ ทำให้ผู้สูงวัยเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือระยะยาวแบบองค์รวมอย่างเป็นระบบ และบูรณาการจากครอบครัว ชุมชน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถช่วยเหลือตนเองได้ สามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข และสร้างคุณประโยชน์แก่สังคมได้อย่างเต็มศักยภาพและยาวนานที่สุด การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ  จึงหมายถึง การที่ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ที่มีความสุข การกินดี อยู่ดี มีเศรษฐกิจที่มั่นคง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และมีการดำเนินชีวิตในสภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้อย่างเหมาะสม ซึ่งมีองค์ประกอบของผู้สูงอายุ 5 ด้าน กล่าวคือ 1. ด้านร่างกาย 2. ด้านจิตใจ 3. ด้านสัมพันธภาพทางสังคม 4. ด้านสิ่งแวดล้อม และ  5. ด้านความมั่นคงในชีวิต

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
พิมพ์ทอง พ. ., ประทุมแก้ว ส. ., & จารุโภ พ. . (2023). หลักธรรมานามัยกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับ ผู้สูงอายุในสังคมไทย. วารสารพุทธศาสตร์ มจร.อุบลราชธานี, 5(2), 767–778. สืบค้น จาก https://so12.tci-thaijo.org/index.php/JOBU2025/article/view/4809
ประเภทบทความ
บทความวิชาการ

เอกสารอ้างอิง

ประเวศ วะสี. (2536). แนวคิดและยุทธศาสตร์สังคมสมานุภาพและวิชชา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิภูมิปัญญา.

พงษ์วรพงศ์ พิเชษฐ์. น.พ.. (2550). พุทธธรรมบำบัด. กรุงเทพฯ: กองแพทย์ทางเลือกกรมการพัฒนาแพทย์แผนไทยทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2551). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอส. อาร์. พริ้นติ้ง แมส โปรดักส์ จำกัด.

ยุทธภัณฑ์ เตชะแก้ว. (2540). “พิธีกรรมและระบบความเชื่อการลำผีฟ้าในภาคอีสาน”. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.