แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบ New Normal ของหมู่บ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบ New Normal ของหมู่บ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยศึกษาจากนักท่องเที่ยว จำนวน 115 คน โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล และศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหมู่บ้านท่าสว่าง จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ตัวแทนหน่วยงานภาคเอกชน และตัวแทนชุมชนในเขตพื้นที่หมู่บ้านท่าสว่าง โดยใชแบบสัมภาษณ์เชิงลึก และวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคทางสถิติคือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ทรัพยากรท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หมู่บ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ บ้านท่าสว่าง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศ เป็นหมู่บ้านที่มีฝีมือในการทอผ้าไหมโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ ผ้าไหมบ้านท่าสว่าง มีจุดเด่นพิเศษกว่าที่อื่น คือ “ไหมน้อย” ที่ละเอียดนุ่มนวล สาวและทอได้ยากยิ่ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และมักมีคำพูดที่ว่าถ้าจะซื้อผ้าไหมสวย ผ้าไหมน้อย ต้องที่ท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ 2) มาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม พบว่า นักท่องเที่ยวมีความคิดเห็นภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านศักยภาพในการดึงดูดใจด้านการท่องเที่ยว มีระดับความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นสูงสุด คือ สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแสดงถึงความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น 3) แผนดำเนินงานโครงการมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย พบว่านักท่องเที่ยวมีความคิดเห็นภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านโรงแรมและที่พัก สถานที่จัดประชุม มีระดับความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นสูงสุด คือ โรงแรมที่พักมีความปลอดภัยต่อผู้เข้าพักและทรัพย์สิน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2563). โครงการบริหารความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย. กรุงเทพฯ:
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2560). อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2550). รายงานประจำปี 2550. กรุงเทพฯ: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
ชุณษิตา นาคภพ. (2561). รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบมีส่วนร่วมของชุมชน เกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
นรีรัตน์ ธงภักดิ์. (2563). การพัฒนาศักยภาพโฮมสเตย์ย่านเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, 14(3), 149-158.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
บุญเลิศ จิตตั้งพัฒนา. (2548). การวางแผนยุทธศาสตรเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนแบบบูรณา : ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สมุทรปราการ:
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2564. จาก http://library.senate.go.th/document/Ext7982/7982018_0007.PDF.
วีรยา มีสวัสดิกุล ปิ่นฤทัย คงทอง และ เยาวภา นียากร. (2560). แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหมู่บ้านวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์. การประชุมวิชาการระดับชาติ นวัตกรรมและเทคโนโลยีวิชาการ.
อรรถพล ศิริเวชพันธุ์. (2564). การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนสู่มาตรฐานความปกติใหม่ (New Normal) เพื่อรองรับ สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรณีศึกษาชุมชนหนองฮะอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 12(1), 67.
Buhalis, D. (2000). Marketing the Competitive Destination in the Future. Tourism Management, 21(1).
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size For Research Activities. Educational and Psychological Measurement,
(3), 607–610.
Tourism Western Australia. (2009). Five A’s of Tourism. Date to Accessed 16 March 2021. from https://www.google.com/search?q=Tourism+
Western+Australia.