ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

Main Article Content

เลิศสะหง่า สะหงวนวง
พิมุกต์ สมชอบ
รัตนภรณ์ แซ่ลี้

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีและ 2) เปรียบเทียบปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพและรายได้ต่อเดือนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ประชาชนที่มีอายุ 20ปีขึ้นไปที่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ การทดสอบค่า t และการทดสอบค่า F ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 20-29 ปี มีสถานภาพโสด มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอาชีพธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย มีรายได้ 10,001-20,000 บาทต่อเดือนส่วนใหญ่ใช้บริการธนาคารกรุงไทย ใช้บริการเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ความถี่ในการใช้บริการธนาคารพาณิชย์ต่อ 1 เดือน จำนวน 1-3 ครั้งจากการศึกษาปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการส่งเสริมการตลาดด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และด้านกระบวนการมีอิทธิพลเชิงบวกต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 และมีความสามารถในการพยากรณ์ ได้ร้อยละ 74.6ผลการเปรียบเทียบปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จำแนกตามเพศ และระดับการศึกษา ไม่แตกต่างกันจำแนกตามอายุ แตกต่างกันในด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และด้านกระบวนการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำแนกตามสถานภาพ แตกต่างกันในด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และด้านกระบวนการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำแนกตามอาชีพ แตกต่างกันในด้านผลิตภัณฑ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำแนกตามรายได้ต่อเดือน แตกต่างกันในด้านการส่งเสริมการตลาด และด้านกระบวนการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สะหงวนวง . เ. . . ., สมชอบ . พ. ., & แซ่ลี้ ร. . (2023). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการเงินฝากธนาคารของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารพุทธศาสตร์ มจร.อุบลราชธานี, 5(1), 95–110. สืบค้น จาก https://so12.tci-thaijo.org/index.php/JOBU2025/article/view/4084
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ, สำนักงาน. (2564). ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา ปีการศึกษา 2564 (ฉบับปรับปรุง). อุบลราชธานี: กลุ่มนโยบายและแผน,

_______. รายงานผลการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564. อุบลราชธานี: กลุ่มนโยบายและแผน,

จามรี เชื้อชัย. การส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน (สัมภาษณ์) ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษษอุบลราชธานี อำนาจเจริญ, 25 เมษายน 2565.

เจนจิรา ธีรวิโรจน์. (2560). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,

ธีระ รุญเจริญ. (2553). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.

_______. (2553). ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการศึกษาปฏิรูปการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) เพื่อปฏิรูปรอบสองและประเมินภายนอกรอบสาม. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.

นัทริดา นามแดง. (2558). สภาพการปฏิบัติการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

ปรียนันท์ ทิพากร. (2560). การส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2. บัณฑิตวิทยาลัย : วิทยาลัยเชียงราย.

เลขาธิการสภาการศึกษา, สำนัก. (2557). รายงานการวิจัยแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

วิภารัตน์ เสนี และศิลป์ชัย สุวรรณมณี. (2560). การส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครู สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยทักษิณ.

วุฒิภัทร แก้วกลึงกลม. (2556). การส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของผู้บริหารตามความคิดเห็นของข้าราชการครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

ศรีสุดา ประผะลา. (2557). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของโรงเรียนคาทอลิก สังฆมณฑลอุบลราชธานี. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2553. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.

ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2562. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

สายฝน ขันแก้ว. (2559). ความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษากับการส่งเสริมการทำงานวิจัยในชั้นเรียนของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์.

สุพัฒตรา สวัสดิ์พานิชย์. (2552). การศึกษาบทบาทของผู้บริหารในการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานช่วงชั้นที่ 1-2 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาญจนบุรี. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.

สุวิมล ว่องวาณิช. (2559). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สัจจา พรมเมตตา. (2554). บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนที่มีต่อการทำวิจัยใชั้นเรียนของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,

Kerlinger, N.F. (1986). Foundations of Behavioral Research. 3rd ed. New York: Holt Rinehard & Winston, Inc.,.

Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities,” Educational and Psychological Measurement. 30, 3 (1970): 607-610.

Neuman,W.L. (1991). Social Research Methods : Qualitative and Quantitative Approaches. Boston: Allyn and Bacon.