การพัฒนาความสามารถในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กด โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กด โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กดก่อนและหลังการใช้กิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียน และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ หลังจากใช้กิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านน้ำคำน้อย จังหวัดยโสธร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 1 ห้องเรียน รวมทั้งหมด 10 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินชั้นเรียน จำนวน 14 แผน 2) แบบทดสอบความสามารถทางการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราแม่กด จำนวน 30 ข้อ เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินชั้นเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบวัดชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 3 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการพัฒนาความสามารถในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กดโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีพัฒนาการทางการอ่านและการเขียนอย่างมีนัยสำคัญ มีค่าเฉลี่ยคะแนนรวมทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 83.33 นักเรียนมีความสามารถในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามาตราแม่กดเพิ่มมากขึ้น 2. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กด ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียนมีค่าเฉลี่ยก่อนเรียน 16.50 และค่าเฉลี่ยหลังเรียน 25.00 พบว่า ค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ผลศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการประเมินในชั้นเรียน เรื่องการอ่านและเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กด นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก มีคะแนนเฉลี่ย()เท่ากับ 2.87 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.29
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
บุญญฉัตร สังกัดกลาง. (2565). การพัฒนาความสามารถในการเขียนสะกดคำของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การจัดการเรียนรู้เทคนิคเกมมิฟิเคชั่นร่วมกับการใช้วรรณกรรมเป็นฐาน. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ทรงภพ ขุนมธุรส และกาญจนา วิชญาปกรณ์. (2562). ความพึงพอใจของนิสิตที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้ด้วยการใช้วิจัยเป็นฐาน ในรายวิชาทฤษฎีวรรณคดีกับการสอนวรรณกรรมไทย.วารสารศิลปศาสตร์ปริทัศน์, 16 (2), 159-170.
วรัญญา ไวบรรเทา. (2563).การจัดการเรียนรู้โดยใช้นิทานเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำศัพท์ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1.บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยรังสิต.
หนึ่งฤทัย พาภักดี. (2564). การพัฒนาความสามารถด้านการฟังเพื่อความเข้าใจภาษาไทยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการเล่าเรื่องของนักเรียนชั้นอนุบาล 3. นครปฐม: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต.
Office of the Basic Education Commission. (2011). Guideline for measuring and evaluating learning outcomes to the basic education core curriculum B.E. 2551 (A.D. 2008). 3rd edition. Bangkok :The Agricultural Co-operative Federation of Thailand Limited.