การบริหารสถานศึกษาให้เป็นเลิศทางวิชาการตามหลักอิทธิบาท 4 ในศตวรรษที่ 21
คำสำคัญ:
บริหารสถานศึกษา , ความเป็นเลิศทางวิชาการ ศตวรรษที่ 21 , หลักอิทธิบาท 4บทคัดย่อ
บทความนี้เป็นการนำเสนอการบริหารสถานศึกษาให้เป็นเลิศทางวิชาการตามหลักอิทธิบาท 4 ในศตวรรษที่ 21 อันเป็นการบริหารสถานศึกษาให้มีสมรรถนะสูง มีประสิทธิภาพในการทำงานพื้นฐานสำคัญในการทำงานให้เป็นเลิศทางวิชาการสู่ทิศทางแห่งการพัฒนาคุณภาพมากกว่างานด้านอื่น ๆ เพราะการศึกษาได้ก้าวเข้ามาสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นยุคที่ Digital Technology เข้ามามีบทบาทและเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการบริหารสถานศึกษาในปัจจุบันและอนาคต โดยการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เน้นการบริหารที่ประกอบด้วยการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ และการออกแบบการจัดการเรียนรู้ การจัดหาพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา สนับสนุนให้ครูผลิตและใช้สื่อการเรียนรู้ ที่สอดแทรกหลักธรรมตามหลักอิทธิบาท 4 มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา ประกอบไปด้วย 1) ด้านฉันทะ ความพอใจหรือรักในการงานที่ทำอยู่ 2) ด้านวิริยะ ความเพียรหรือมีความขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่ทำอยู่ 3) ด้านจิตตะ ความใส่ใจหรือการรับรู้ในงานที่ตนเองทำอยู่ ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากงานที่กำลังทำ และ 4) ด้านวิมังสา การไตร่ตรองหรือการใช้ปัญญาพิจารณาในการทบทวนตรวจสอบงานที่ทำอยู่ เพื่อให้สถานศึกษานำมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานวิชาการอย่างมีคุณภาพและเตรียมพร้อมรับการประเมินภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา. คู่มือนิเทศภายในโรงเรียน, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11. กรุงเทพฯ: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา, 2563.
คัมภีร์ สุดแท้. “การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก”. ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 2553.
เจริญพร คำจารย์. “การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 2558.
ทองดี ศรีตระการ. “การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสู่ความเป็นเลิศของการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย”. ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2560.
พสุ เดชะรินทร์. ปัจจัยในการขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวไปสู่การเป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง. ออนไลน์. http://www.newsletter/enewsHPO.htm. [31 ตุลาคม 2565].
พรพินิจ ไชยลังกา. “การบริหารสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดเชียงราย”. วารสารสังคมศาสตร์วิชาการ. ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม–เมษายน 2559). 160–176.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พุทธธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2542.
พัทฐรินทร์ โลหา. ศตวรรษที่ 21. ออนไลน์. https://www.gotoknow.org/posts/659944. [31 ตุลาคม 2565].
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม 9. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2539.
วิฑูรย์ สิมะโชคดี. คุณภาพคือการบูรณาการ. กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี, 2545.
เอกชัย กี่สุขพันธ์. การบริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล (School Management in Digital Era). ออนไลน์. https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/ 52232/-edu-teaartedu-teaart-teaartdir. [31 ตุลาคม 2565].
Bruce W. Tuckman. Analyzing and Designing Educational Research. New York: Harcourt Brace Jovanovich, 1978.
G. D. Sentell. Fast, focused & flexible: bold new imperatives for the high performance organization. Michigan: Pressmark International, 1994.
J. Collins. Good to Great. London: Random House, 2001.
Robert P. Vecchio and Steven H. Appelbaum. Managing Organization Behavior. New Jersey: Dryden, 1995.
