คำว่า “สถูป” และ “เจดีย์” ในอารยธรรมอินเดียโบราณ: พระเวท พระไตรปิฎก และอรรถกถา

ผู้แต่ง

  • พงษ์ศิริ ยอดสา นักศึกษาวิจัย ศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา DCI

คำสำคัญ:

สถูป, เจดีย์, อารยธรรมอินเดียโบราณ

บทคัดย่อ

“สถูป” และ “เจดีย์” เป็นคำศัพท์ที่ถูกใช้เรียกชื่อสิ่งก่อสร้างที่สร้างให้แก่ผู้เสียชีวิตเพื่อการระลึกถึงเป็นสำคัญ แต่ทั้ง 2 คำนี้ก็ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ว่า ทั้งสถูปและเจดีย์เป็นคำพ้องความหมาย และเห็นว่ามีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในบทความนี้จึงมุ่งศึกษาการใช้งานของคำว่า “สถูป” และ “เจดีย์” ผ่านวรรณกรรมที่ปรากฏในอารยธรรมอินเดียโบราณ เน้นไปที่ยุคก่อนพุทธกาล ยุคพุทธกาลและยุคคัมภีร์อรรถกถาในพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เห็นภาพของการใช้งานคำว่า “สถูป” และ “เจดีย์” ในฐานะของสิ่งก่อสร้างมากขึ้น
การศึกษาพบว่า การใช้งานคำว่า “สถูป” และ “เจดีย์” ที่หมายเอาสิ่งก่อสร้างเดียวกัน แต่ภาพของ “สถูป” จะชี้ไปหาสิ่งก่อสร้างสำหรับบรรจุสรีรธาตุของถูปารหบุคคลและภายในจะต้องมีสรีรธาตุบรรจุอยู่โดยมีห้องโถง เสา และแท่นสำหรับวางสรีรธาตุ นอกจากนั้นอาจหมายถึงสถูปจำลองที่ครอบภาชนะสำหรับบรรจุพระธาตุได้อีกหนึ่งกรณี ส่วนคำว่า “เจดีย์” มีหลายนัยยะ ทั้งเป็นสถานที่ที่ใช้ปฏิบัติธรรม สถานที่น่าเคารพนับถือ สถานที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สถานที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาและระลึกถึงพระพุทธเจ้า รวมไปถึงสถานที่ใช้บรรจุสรีรธาตุของถูปารหบุคคล ซึ่งสามารถใช้เป็นคำเรียกชื่อสถานที่ที่มีสรีรธาตุอยู่หรือหากไม่มีสรีรธาตุแต่เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาและระลึกถึงบุคคลสำคัญก็ได้

เอกสารอ้างอิง

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร (องค์การมหาชน). สถูป. ออนไลน์. https://db.sac.or.th/archaeology/terminology/140. [20 เมษายน 2566].

พระมหาสราวุธ ญาณโสภโณ และพระจาตุรงค์ อาจารสุโภ. “ความหลากหลายด้านสถาปัตยกรรมในยุคสุโขทัย: เจดีย์ระฆังและพุ่มข้าวบิณฑ์”. วารสารธรรมธารา. ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (ฉบับรวมที่ 14) (มกราคม-มิถุนายน 2565). 157–212.

พิชญา สุ่มจินดา. สถูปจำลองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากกรุปรางค์ประธานวัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา: ภาพสะท้อนพุทธศาสนาลังกาวงศ์สมัยต้นอยุธยา. ออนไลน์. http://www.finearts.cmu.ac.th/wp-content/uploads/2014/08/5-Pichaya_191-252.pdf. [25 สิงหาคม 2557].

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.

____. อรรถกถาภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2559.

มหามกุฏราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับสยามรัฐ. กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2536.

____. พระไตรปิฎกพร้อมอรรถกถา แปล ชุด 91 เล่ม. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2555.

สันติ เล็กสุขุม. เจดีย์ ความเป็นมาและคำศัพท์เรียกองค์ประกอบเจดีย์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: มติชน, 2552.

Adrian Snodgrass. The Symbolism of The Stupa. Delhi: Motilal Banarsidass, 1992.

A.H. Longhurst. The Story of the Stūpa. New Delhi: Asian Educational Services, 1979.

Hans T. Bakker. “Monuments to the Dead in Ancient North India”. Indo-Iranian. Vol. 50 No. 1 (Spring 2007). 11–47.

Schopen Gregory. Bones, Stones, and Buddhist Monk. Hawai: University of Hawai Press, 1996.

Phibul Choompolpaisal. Materialism or Religious Practice? An Application of the Debate between Gadermar’s and Habermas’s Hermeneutics to a Study of Phra Dhammakaya Buddhist Temple: The Stupa and its Interpretations. London: University of London, 2003.

Brancaccio Pia. The Buddhist caves at Aurangabad. Boston: Brill Academic Pub, 1996.

Colin Redrew, Michael J. Boyd, and Iain Morley. Death Rituals, Social Order and the Ancient World - Death Shall Have No Dominion. New York: America, 2016.

Panth Sushila. The Origin and Development of Stupa Architecture in India. Varanasi: Bharata Manisha, 1976.

Lewis Todd. “Contributions to the History of Buddhist Ritualism: A Mahāyāha Avadāna on Caitya veneration from the Kathmandu Valley”. Journal of Asian History. Vol. 28 No. 1 (1994). 1–38.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

04/30/2023