ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองกับความสำเร็จในอาชีพของพนักงานบริการผู้โดยสารภาคพื้นบริษัทการบิน โดยมีจิตตะเป็นตัวแปรกำกับ

ผู้แต่ง

  • เรวดี สุ่นบุญนาค นิสิตปริญญาโทสาขาพุทธจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต สาขาพุทธจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • เมธาวี อุดมธรรมานุภาพ สาขาพุทธจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การรับรู้, จิตตะ, ความสำเร็จในอาชีพ

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มี 2 วัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาการรับรู้ความสามารถของตนเอง ความสำเร็จในอาชีพและจิตตะ ของพนักงานบริการผู้โดยสารภาคพื้นบริษัทการบิน (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองกับความสำเร็จในอาชีพของพนักงานบริการผู้โดยสารภาคพื้นบริษัทการบิน โดยมีจิตตะเป็นตัวแปรกำกับ เป็นการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานบริการผู้โดยสารภาคพื้นบริษัทการบิน จำนวน 75 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ประกอบด้วย แบบวัดการรับรู้ความสามารถของตนเอง แบบวัดจิตตะ และแบบวัดความสำเร็จในอาชีพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ การวิเคราะห์ถดถอยพหุเชิงชั้น และทดสอบอิทธิพลการกำกับ (Analysis of moderation effects) ด้วยโปรแกรม PROCESS
ผลการวิจัยพบว่า
(1) การรับรู้ความสามารถของตนเอง เป็นการตัดสินความสามารถของตนเองว่า จะสามารถทำงานได้ในระดับใดหรือเป็นความเชื่อของบุคคลเกี่ยวกับความสามารถในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พิจารณาจากความรู้สึก ความคิด การจูงใจ และพฤติกรรม ส่วนจิตตะ คือ ใจที่จดจ่อและรับผิดชอบ เมื่อมีใจที่จดจ่อแล้วก็จะเกิดความรอบคอบตาม การตัดสินใจทำอะไรก็จะเกิดความผิดพลาดน้อยตามไปด้วย การที่บุคคลรับรู้ว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานนั้นๆ ได้อย่างดี ประกอบเหตุด้วยหลักธรรมอิทธิบาท 4 ด้านจิตตะ ทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ ส่งผลความสำเร็จในอาชีพของตนได้อย่างดี
(2) การรับรู้ความสามารถของตนเองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จในอาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 และพบว่า จิตตะเป็นตัวแปรกำกับระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองกับความสำเร็จในอาชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 และจิตตะเป็นตัวแปรกำกับที่ส่งผลต่อความสำเร็จในอาชีพของความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองกับความสำเร็จในอาชีพ เมื่อคะแนนจิตตะสูงขึ้น ถึงแม้ว่าบุคคลที่มีการรับรู้ความสามารถของตนเองจะต่ำหรือสูง ก็จะส่งผลให้ความสำเร็จในอาชีพสูงขึ้นตามไปด้วย

เอกสารอ้างอิง

จิตตานันท์ ติกุล และคณะ. “แบบจำลองเชิงสาเหตุความสำเร็จในอาชีพของบัณฑิตสหกิจศึกษา”. วารสารวิชาการครุศาตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนือ. ปีที่ 11 ฉบับที่ 1 (มกราคม–เมษายน 2563). 3–46.

นภดล คําเติม. “ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค การสนับสนุนจากครอบครัวกับความสำเร็จในอาชีพของหัวหน้าหอผู้ป่วย โรงพยาบาลศูนย์”. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2545.

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พุทธธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2542.

พระมหาอุทัย วชิรเมธี (นิยม). “การบริหารงานตามหลักอิทธิบาท 4 ของเจ้าอาวาสในอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2555.

พัฐปณิตา จันกลิ่น และคณะ. “ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองในการออกกำลังกาย การซึมซับจากวัฒนธรรมสังคม และความไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ กับเจตนาที่จะออกกำลังกาย”. ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2556.

พชร สุลักษณ์อนวัช. “ความสำเร็จในอาชีพ เชาวน์อารมณ์ และความพึงพอใจในชีวิต โดยมีความภาคภูมิใจในตนเองเป็นตัวแปรสื่อ ของพนักงานระดับปฏิบัติการ กรณีศึกษา: บริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. คณะศิลปะศาสตร์: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2559.

ศศิวรรณ อินทรวงศ์. “อิทธิพลระหว่างการรับรู้ความสามารถในตนเอง การรับรู้ลักษณะงานที่ตนปฏิบัติและคุณภาพชีวิตที่ดีในการทำงานที่มีต่อผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษากลุ่มใหม่”. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, 2560.

ศิริวรรณ สุจริต. “ความสัมพันธ์ระหว่างความมั่นคงในการทำงาน และการรับรู้ความสามารถของตน กับพฤติกรรมการทำงานของพนักงานธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง”. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2550.

สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549.

สงวน ช้างฉัตร. “การพัฒนาทีมงานที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจขนาดย่อม”. รายงานการวิจัย. คณะวิทยาการจัดการ: สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม, 2542.

อลงกรณ์ มีสุทธา และสมิต สัชฌุกร. การประเมินผลการปฏิบัติงาน (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น), 2551.

A. Bandura. Self-efficacy: The exercise of self-control. New York: Freeman, 1997.

D. P. Atkinson. “Freelance Translator Success and Psychological Skill: A Study of Translator Competence with Perspectives from Work Psychology”. Unpublished doctoral thesis, Auckland: University of Auckland, 2012.

H.F. Hayes. The PROCESS macro for SPSS and SAS. Online. http://www.processmacro.org/download.html. [31 December 2021].

R. M. Baron, and D. A. Kenny. “The moderator-mediator variable distinction in social psychological research: Conceptual, strategic, and statistical consiferation”. Journal of Personality and Social Psychology, Vol. 51 No. 6 (1986). 1173–1182.

U. E. Gattiker and L. Larwood. “Subjective Career Success: A Study of Managers and Support Personnel”. Journal of Business and Psychology. Vol. 1 No. 2 (December 1986). 78–94.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

04/30/2023