การสร้างพื้นที่ศิลปะและรูปแบบอนุรักษ์การแทงหยวกจังหวัดเพชรบุรี

Main Article Content

พระครูวัชรสุวรรณาทร (ลูกชุบ เกตุเขียว)
พระสุชินนะ อนิญฺชฺโต (พรหมนิล)
พระวรพงศ์ ธมฺมวํโส (สีชาวงค์)

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาบริบท  สำรวจ สภาพทั่วไป ความรู้ ภูมิปัญญาศิลปะการแทงหยวก จังหวัดเพชรบุรี (2) เพื่อศึกษาองค์ความรู้พัฒนากระบวนการส่งเสริมรูปแบบอนุรักษ์การแทงหยวก จังหวัดเพชรบุรี (3) เพื่อพัฒนาการสร้างพื้นที่ศิลปะการแทงหยวก จังหวัดเพชรบุรี


          บทความวิจัยนี้เป็นการศึกษาโดยการใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เริ่มจากการศึกษาแนวคิดศิลปกรรมและแนวคิดศิลปกรรม ข้อมูลเกี่ยวกับการแทงหยวกของจังหวัดเพชรบุรี โดยการศึกษาเอกสาร ตำรา งานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับสกุลช่างเมืองเพชร จากนั้นได้ทำการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบถึงเอกลักษณ์และการแทงหยวกของจังหวัดเพชรบุรี เพื่อพัฒนานวัตกรรมและการแทงหยวกของจังหวัดเพชรบุรีและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงถึงการแทงหยวกของจังหวัดเพชรบุรี พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะในด้านต่าง ๆ แล้วทำการสรุปวิเคราะห์ผลที่ได้ ไปทำการประเมินความเหมาะสมเพื่อปรับปรุงนำเสนอต่อไป


          ผลการวิจัยพบว่า


          1) ความรู้เกี่ยวกับการแทงหยวกของเพชรบุรีจากการศึกษาพบว่า ศิลปะการแทงหยวกของสกุลช่างเมืองเพชรบุรีไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มมาจากในสมัยใด แต่ในความคิดของช่างแทงหยวกนั้น การแทงหยวกน่าที่จะเกิดขึ้นมาก่อนสมัยอยุธยา มีจดหมายเหตุกรุงศรีบันทึกไว้ว่ามีการนำงานแทงหยวกมาประดับในงานจิตกาทานของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน หรือขุนนางข้าราชการทหารระดับสูง โดยศิลปะการแทงหยวกของสกุลช่างเมืองเพชรบุรีนั้น เกิดจากการผสมผสานระหว่างศิลปะสมัยอยุธยา ช่างชาวจีนโพ้นทะเล เนื่องจากสมัยก่อนเมืองเพชรบุรีเป็นเมืองหน้าด่าน มีการติดต่อค้าขายจึงเป็นแหล่งรับวัฒนธรรมเห็นได้จากวัดวาอารามที่เป็นแหล่งรวบรวมศิลปะแขนงต่าง ๆ อีกทั้ง วัดยังเป็นแหล่งเรียนรู้โดยมี พระสงฆ์เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ดังนั้น  ศิลปะจะอยู่ตามคุ้มวัดต่าง ๆ ลูกศิษย์วัดได้รับความรู้ทางด้าน ศิลปะ และกลายมาเป็นช่างในปัจจุบัน มีการผสมผสานต่อยอดกับศิลปะรัตนโกสินทร์ กลายเป็นศิลปะที่มีรูปแบบเฉพาะเป็นอัตลักษณ์ของสกุลช่างเมืองเพชรบุรี


          2) ศิลปะการแทงหยวกของสกุลช่างเพชรบุรีช่างแทงหยวกเมืองเพชรบุรี ถือได้ว่าเป็นช่างที่มีความชำนาญในด้านศิลปะหลายแขนงในการทำงานบางครั้ง สามารถประดิษฐ์ลวดลายขึ้นมาใหม่โดยมีการประยุกต์จากศิลปะแขนงอื่น นอกจากลวดลายพื้นฐานของการแทงหยวก สมัยโบราณการแทงหยวกจะใช้ลวดลายไทยพื้นฐาน เช่น ลายกนก ลายฟันหนึ่ง ลายฟันสาม ลายฟันห้า เป็นต้น และนอกจากนี้ช่างแทงหยวกยังมีการ นำเอาลักษณะรูปแบบจากธรรมชาติ มาดัดแปลงให้เกิดเป็นลวดลายที่วิจิตรบรรจงจึงเกิดเป็นลายประยุกต์ เช่น ลายกระจังรวน ลายกระจังปฏิญาณ ลายกนกใบเทศ ลายสาหร่าย และยังมีลายหน้า กระดานต่าง ๆ เช่น ลายหน้ากระดานกนกเปลว ลายหน้ากระดานร้อยรัก เป็นต้น และยังการใช้เทคนิคพิเศษ คือการแรลาย โดยใช้มีดกรีดที่หยวกให้เป็นลายแล้วจึงนำปากกาเคมีสีวาดทับลงในเส้นที่ถูกร่างไว้ ก็จะทำให้ลายมีมิติมากขึ้นโดยเครื่องมือของการแทงหยวกจะประกอบไปด้วยมีดแทงหยวก ส่วนที่เป็นใบมีดยาว ประมาณ ๕-๘ เซนติเมตร กว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร มีดทำครัว ใช้ในการตัดแต่งหยวกให้สวยงาม ตอก ทำมาจากไม้ไผ่ เหลาให้ติดผิว เพื่อให้เกิดความเหนียว ใช้ยึดตรึงในการประกอบหยวก ไม้เสียบ ก็เช่นเดียวกัน คือใช้ในการประกอบหยวกในส่วนผักผลไม้ มีการนำมาแกะสลักให้ เกิดเป็นรูปและเป็นลวดลายสวยงาม นำไปประดับตกแต่งที่เชิงตะกอน กระดาษสีอังกฤษใช้เป็นพื้นเพื่อให้เห็นเป็นลวดลายที่สวยงามมากขึ้นและหยวกกล้วย นิยมใช้กล้วยตานี เพราะเป็น กล้วยที่มีความละเอียดรังผึ้งมาก สามารถเก็บน้ำได้มาก ทำให้เหี่ยวช้า เวลาตัดจะไม่มีใยกล้วยและเวลาเหี่ยวกาบจะแห้งเป็นสีเหลืองทองสวยงาม สมัยก่อนศิลปะการแทงหยวกจะนิยมใช้ในงานศพและงานโกนจุก แต่ต่อมามีการปรับเปลี่ยนทัศนคติและมีการประยุกต์ศิลปะการแทงหยวกให้ใช้กับงานได้หลากหลายขึ้น เช่นงานแต่งงาน การใช้ประดับในพิธี เช่น การประดิษฐ์เป็นโคมไฟ ฯลฯ


          3) รูปแบบและลวดลายศิลปะการแทงหยวก จังหวดเพชรบุรี ลวดลายดั้งเดิมของการแทงหยวกนั้นยังคงใช้ลายไทยโบราณเป็นหลัก เช่น ลายฟันหนึ่ง ลายฟันสาม ลายฟันห้า ลายน่องสิงห์ ลายหน้ากระดาน ลายเสา และลายกระจัง โดยการประยุกต์ลวดลายใหม่ ๆ โดยอิงจากลายไทยดั้งเดิมและแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น ลายกระจังรวน ลายกระจังปฏิญาณ ลายกั้นใบเทศ และลายสาหร่าย เทคนิคการประกอบลาย มีการประกอบลายใน 3 ลักษณะหลัก 1. ลายฟันสามกับลายฟันสาม 2. ลายฟันสามกับลายฟันห้า และ 3. ลายฟันห้ากับลายฟันห้า โดยเน้นการเหลื่อมลายให้เกิดมิติมีการแร่สอดไส้ในลายฟันห้า เพื่อเพิ่มความสวยงามและมิติความหลากหลายของลวดลาย ช่างแทงหยวกมักออกแบบลวดลายให้มีความวิจิตรพิสดาร เพื่อแสดงฝีมือและประกวดประชันกัน มีการนำลวดลายจากธรรมชาติ สัตว์หิมพานต์ มังกร ปลา นก ผีเสื้อ ลายตลก ตัวอักษร สัตว์ที่เป็นปีเกิด และสัญลักษณ์ของผู้วายชนม์มาใช้ วัสดุอุปกรณ์และกระบวนการหยวกกล้วย นิยมใช้กล้วยตานีที่ยังไม่ออกเครือ เนื่องจากมีเนื้อนุ่ม ชุ่มน้ำ และสีสวยงามมีพิธีขอขมาต้นกล้วยก่อนตัด และการเตรียมหยวกอย่างพิถีพิถันเพื่อรักษาความสด อุปกรณ์ มีดแทงหยวกที่ช่างทำเอง ตอก มีดทำครัว ไม้เสียบลูกชิ้น สีผสมอาหาร เชิงตะกอน ผักผลไม้สำหรับแกะสลัก กระดาษสี พิธีไหว้ครูก่อนเริ่มงาน ช่างแทงหยวกจะทำพิธีไหว้ครูเพื่อบูชาครูช่างและเครื่องมือ วิธีการแทงหยวกต้องอาศัยความชำนาญและความแม่นยำในการจับมีดและการลงมีดมีการฉลุลายพื้นฐาน เช่น ลายฟันหนึ่ง ลายฟันสาม และลายฟันห้า ก่อนไปสู่ลายที่ซับซ้อน เช่น ลายหน้ากระดานและลายเสามีการแร่ลายเพื่อเพิ่มความชัดเจนและรายละเอียด เอกลักษณ์ของศิลปะการแทงหยวกเพชรบุรีสืบทอดจากอยุธยามีลักษณะเด่นที่สืบทอดมาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย และพัฒนาเป็นรูปแบบเฉพาะของเมืองเพชรบุรีภูมิปัญญาท้องถิ่นสะท้อนถึงศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่นของครูช่างการแทงหยวกแบบด้นสดโดดเด่นในการแทงหยวกด้วยมือเปล่า โดยไม่ใช้การลอกลายหรือทาบลายความชำนาญของช่างสิบหมู่ช่างแทงหยวกมีความชำนาญในศิลปะหลายแขนง และสามารถประยุกต์ศิลปะแขนงอื่นมาสร้างสรรค์ลวดลายใหม่ ๆ  ศิลปะการแทงหยวกของจังหวัดเพชรบุรีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น และยังคงมีการพัฒนาและประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย

Article Details

ประเภทบทความ
บทความ

เอกสารอ้างอิง

ปิ่นรัชฎ์ กาญจนัษฐิติ. (2552). การอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมและชุมชน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุนนท์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา และคณะ. (2546). การศึกษาศิลปกรรมแบบประเพณีในจังหวัดเพชรบุรี. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

อภัย นาคคง. (2533). ความรู้เบื้องต้นวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ. กรุงเทพฯ: ท.วัฒนาการพิมพ์.

จรัสศรี สุขสุจริต. (2559). ศิลปะการแทงหยวกในงานบุญของชาวภาคกลาง. กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม.

ธนวัฒน์ สินรัชตานันท์. (2562). พื้นที่ศิลปะและการมีส่วนร่วมของชุมชน. วารสารวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม, 10(2), 45-60.

ประเวศ วะสี. (2542). ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในบริบทสังคมเปลี่ยนแปลง. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).

ภัทรวดี ทิพย์ลัดดา. (2561). แทงหยวก: ศิลปะพื้นบ้านกับความเชื่อของชาวไทย. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 13(1), 77-92.

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี. (2564). รายงานผลการดำเนินงานส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านแทงหยวก. เพชรบุรี: กระทรวงวัฒนธรรม.

สุนีย์ สินธุเดชะ. (2560). ทุนทางวัฒนธรรมกับการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต, 5(1), 1-12.

วิริยะ สุสุทธิ. (5 มีนาคม 2568). ช่างแทงหยวก. (พระครูวัชรสุวรรณาทร, สัมภาษณ์)

ลลิตา กลิ่นสว่าง. (5 มีนาคม 2568). ข้าราชการครู. (พระสุชินนะ อนิญฺชฺโต, สัมภาษณ์).

น.ส.พรชนก เรืองโรจน์. (5 มีนาคม 2568). ช่างปูนปั่นบ้าน อ.ทองร่วง. (พระสุชินนะ อนิญฺชฺโต, สัมภาษณ์).

อาคม ยางนอก. (5 มีนาคม 2568). นักวิชาการวัฒนธรรม ปฎิบัติการ. (พระวรพงศ์ ธมฺมวํโส, สัมภาษณ์).

ทรงชัย เมืองพูนผง. (5 มีนาคม 2568). ประชาชน. (พระวรพงศ์ ธมฺมวํโส, สัมภาษณ์).

Throsby, D. (2001). Economics and Culture. Cambridge: Cambridge University Press.

UNESCO. (2003). Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage. Paris: UNESCO.