การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์การบริหารส่วนตำบลที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการในภาคตะวันออก

Main Article Content

ทัดฐ์สพล นนท์ทวีกิจ
ธัศฐ์ชาพัฒน์ ยุกตานนท์
คณิศร สมมะลวน

บทคัดย่อ

         การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเขิงปริมาณ (Quantitative Research) ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) จากกลุ่มตัวอย่าง (Sample) ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และ แบบสอบถาม เพื่อนำมาวิเคราะห์สังเคราะห์สรุปให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์การบริหารส่วนตำบลที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการในภาคตะวันออก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ศึกษาระดับความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการให้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในภาคตะวันออก 2. ประเมินการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อบต. และผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ 3. เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อบต. ให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน


          ผลการวิจัยพบว่า ด้านความพึงพอใจต่อการให้บริการ ความสามารถของบุคลากรในการให้คำแนะนำได้รับคะแนนสูงสุด (ค่าเฉลี่ย 4.12±0.85) ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการให้คำปรึกษาที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ ด้านความโปร่งใสและเป็นธรรม (ค่าเฉลี่ย 4.01±0.95) และความสุภาพและเป็นมิตรของบุคลากร (ค่าเฉลี่ย 3.97±0.13) ก็ได้รับความพึงพอใจในระดับมากเช่นกัน ขณะที่ความรวดเร็วในการให้บริการและความถูกต้องของข้อมูลมีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกันที่ 3.84±0.99 และ 3.85±0.98 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาภาพรวมการให้บริการทั้งหมด ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.96±0.15 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน การรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรใน อบต. พบว่า 70.0% ทราบถึงการดำเนินงานดังกล่าว และ 70.0% เชื่อว่าการพัฒนาบุคลากรมีผลเชิงบวกต่อคุณภาพการให้บริการ ทั้งนี้ การพัฒนาด้านการสื่อสารและการให้บริการประชาชนเป็นด้านที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด (62.5%) รองลงมาคือการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (55.0%) โดยการพัฒนาทักษะทั้งสองด้านนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการสาธารณะ ช่วยให้กระบวนการบริการมีความรวดเร็ว สะดวกสบาย และสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ธัศฐ์ชาพัฒน์ ยุกตานนท์. (2565). กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยพุทธสันติวิธีของศาลเยาวชนและ ครอบครัวกลาง. [วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่ไม่มีการตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย.

พิริยะ ผลพิรุฬห์. (2556). เศรษฐกิจสร้างสรรค์กับการพัฒนาประเทศไทย. วารสารเศรษฐศาสตร์ ปริทรรศน์ สถาบันพัฒนศาสตร์, 7(1): 1-70

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. (2564). การสำรวจและการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการ ต่อการให้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบลเฉนียง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์.

สัญญาศรณ์ สวัสดิ์ไธสง. (2567). การจัดการภาครัฐแนวใหม่: มุ่งสู่ผลลัพธ์ที่ประชาชนสัมผัสได้. วารสารการ บริหาร การจัดการ และการพัฒนาที่ยั่งยืน, 2(3): 746-756.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2563). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ.2560-2564. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ.

องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ด. (2565). ความโปร่งใสและเป็นธรรมในการให้บริการขององค์การบริหารส่วน ตำบลเสม็ด. https://www.tambonsamed.go.th/index.php?id=64&option=com_ content &view=article.

อัญชลี ดุสิตสุทธิรัตน์ ธรรมรัตน ศัลยวุฒิ และสุวิมล นภาผองกุล. (2559). ความพึงพอใจของประชาชนตอ การใหบริการ ของ องคการบริหารสวนตำบลบางโปรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ. [วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่ไม่มีการตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ.

Best, J. W. (1977). Research in Education. New Jersey: Prentice Hall Inc.

Likert, R. (1932). A technique for the measurement of attitude. Archives of Psychology 140: 1-55.

Taro Yamane. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row.