ปัจจัยอิทธิพลต่อการพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้กรณีศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ

Main Article Content

สุทธิศักดิ์ แก้วจินดา
พร้อมวิชญ์ อัศวกฤษนาวิน

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา การบริหารงานชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาที่มีตัวแปรต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบ ว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันหรือไม่ อย่างไร
2) ทดสอบและยืนยันแบบจำลองโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (SEM) ของตัวแปรต่าง ๆ ว่ามีอิทธิพลต่อการพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้กรณีศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ หรือไม่ อย่างไร กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา หัวหน้ากลุ่มหมวดวิชา คณะกรรมการสถานศึกษา และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ จำนวน 399 คน ที่ได้จากการคำนวณตามสูตรของ Taro Yamane (1973) และเพื่อป้องกันความไม่ครบถ้วนและความไม่สมบูรณ์ของแบบสอบถามที่จะได้รับคืนมา ผู้วิจัยจึงกำหนดกลุ่มตัวอย่างเพิ่มอีก 15% ได้กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 458 คน โดยใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างการสุ่มแบบอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วน 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ความถี่ ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน


         ผลการวิจัยพบว่า


  1. ปัจจัยด้านสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา (LCO) และปัจจัยการบริหารงานชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ที่มีตัวแปรต่างๆ เป็นองค์ประกอบมีอิทธิพลและมีความสัมพันธ์ต่อกันกับการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษา (LOR) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

  2. แบบจำลองโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (SEM) สอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ตามเกณฑ์ค่าดัชนีตรวจสอบที่เหมาะสม (Fit) มีความสัมพันธ์กัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05 และทุกตัวแปรองค์ประกอบสามารถอธิบายรวมกันได้อย่างถูกต้อง

Article Details

ประเภทบทความ
บทความ

เอกสารอ้างอิง

กมลวรรณ ทิพยเนตร และ นันทวรรณ ทิพยเนตร. (2562). การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนของครูโดยการใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 1. ใน รายงานโครงการวิจัย. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 1.

ฉวีวรรณ ฉัตรวิไล. (2560) สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการดำเนินการตามมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 จังหวัดฉะเชิงเทรา. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์

ปวีณา เจริญภูมิและคณะ. (2559). ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมองค์การกับการเป็นชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25. วารสารบัณฑิตวิทยาลัยเอเชีย, 6(2), (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

นุชนรา รัตนศิระประภา. (2557). สมรรถนะของผู้บริหารที่ส่งผลต่อคุณลักษณะโรงเรียนมาตรฐานสากลสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal, 7(2), (เดือนกันยายน – ธันวาคม 2557)

สัมมา รธนิธย์. (2554). การวิเคราะห์องค์ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีผลต่อประสิทธิผลการบริหารมหาวิทยาลัย. ใน รายงานการวิจัยคณะครุศาสตรมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.

วุฒิภัทร พงษ์เพชร. (2554). สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาที่สัมพันธ์กับการดำเนินงานเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครพนม. ในวิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนครพนม

ประจวบ แจ้โพธิ์. (2556). ความคิดเห็นของครูต่อบทบาทผู้บริหารในการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครูในโรงเรียนสำนักงานเขตบึงกุ่ม สังกัดกรุงเทพมหานคร. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

ปิยวรรณ ศรีวรานันท์. (2563). การพัฒนาสถานศึกษาเพื่อเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

หอมหวน แสนเวียงจันทร์. (2559). สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการบริหารงานบุคคลอำเภอกบิณท์บุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา ปราจีณบุรี เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์หลักสูตรการศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยบูรพา.

นิสดารก์ เวชยานนท์. (2549). Competency-Based Approach. กรุงเทพฯ : คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.

ไพโรจน์ ภัทรนรากุล. (2550). “การจัดการภาครัฐกับการเสริมพลังประชาชน”, รัฐกับการส่งสริมสร้างพลังประชาชน/ชุมชน, การประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับประเทศ ครั้งที่ 1 เรื่องรัฐประศาสนศาสตร์กับการเสริมพลังสร้างพลังประชาชน, วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550. คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.

สุภมาศ อังศุโชติ และคณะ. (2552). สถิติวิเคราะห์สำหรับการวิจัยทางสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์: เทคนิคการใช้โปรแกรม LISREL. กรุงเทพมหานคร: เจริญดีมั่งคง การพิมพ์.

สุพัตรา เลิศวัฒนารักษ์. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาสถานศึกษาเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

อโณทัย ตรีวานิช. (2552). สถิติธุรกิจ. ภาควิชาสถิติ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Thompson, Gregg, & Niska, L.M. (2004). Professional learning communities, leadership, and student learning. Research in Middle Level Education Online, 28(1). จาก http://www.nmsa.org/Publications/RMLEOnline/tabid/ 101/Default.aspx, 2004. https://www.thaihealth.or.th

Goleman, Daniel et al. (2003). The New Leaders: Transforming the Art of Leadership into the Science of Results. London: Time Warner Paperbacks

Hood, C. (1991). “A Public Management for all seasons”, Public Administration Journal, Vol. 69, Spring; 3-19.

Mahmuddin Asry, et al. (2015). “organizational development approach to organization learners in the provision of public service in cardiac centre dr. wahidin sudirohusodo central hospital makassar, south sulawesi”, international journal of academic research, vol. 7. no. 1, january, 2015.

Russell, A. & Matthews, L. (2003). The Organizational Empowerment Scale. Texas Christin University. Fort Worth, Texas, USA.

Senge, P.M. (2001). The Fifth Discipline: The Art and Practice of the Learning Organization. Doubleday/Currency, New York.