การพัฒนาหลักสูตรการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
คำสำคัญ:
การพัฒนาหลักสูตร, การอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ, การสอนแบบโฟนิกส์, เกมบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของการพัฒนาหลักสูตรการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2) เพื่อศึกษาผลการใช้หลักสูตรการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre-Experimental Designs) แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (one group pretest-posttest design) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนเด่นไชยประชานุกูล จำนวน 22 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบง่าย (simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ หลักสูตร คู่มือหลักสูตร แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบที (t-test dependent samples)
ผลการศึกษาพบว่า
- หลักสูตรการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเกม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มี 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ความเป็นมาและความสำคัญของหลักสูตร 2) หลักการของหลักสูตร 3) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร 4) โครงสร้างเนื้อหาของหลักสูตร ประกอบด้วย 1 หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง English is all around มี 7 เรื่อง ดังนี้ เรื่องที่ 1 My abc เรื่องที่ 2 Vowel sounds เรื่องที่ 3 คำศัพท์ที่ออกเสียงสระเดี่ยว/สระประสมกับ A เรื่องที่ 4 คำศัพท์ที่ออกเสียงสระเดี่ยว/สระประสมกับ E เรื่องที่ 5 คำศัพท์ที่ออกเสียงสระเดี่ยว/สระประสมกับ I เรื่องที่ 6 คำศัพท์ที่ออกเสียงสระเดี่ยว/สระประสมกับ O และเรื่องที่ 7 คำศัพท์ที่ออกเสียงสระเดี่ยว/สระประสมกับ U 5) กิจกรรมการเรียนการสอน
6) สื่อ/ แหล่งเรียนรู้ และ 7) การวัดและการประเมินผล หลักสูตรมีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก คู่มือหลักสูตรมีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก - นักเรียนที่เรียนด้วยหลักสูตรการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับเกม มีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์คุรุสภา.
จิตตวิสุทธิ์ วิมุตติปัญญา และคณะ. (2563). ทฤษฎีหลักสูตรและการพัฒนา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
จิราภรณ์ เสืออินทร์ และคณะ. (2559). การพัฒนาทักษะความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษโดยการสอนแบบโฟนิกส์นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ทิศนา แขมณี.(2544:80). วิทยาการด้านความคิด. กรุงเทพมหานคร: เดอะมาสเตอร์กรุ้ป แมเนจเมนท์.
ธำรง บัวศรี. (2542). การพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ธำรง บัวศรี. (2542). แนวคิดเกี่ยวกับหลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยศรีครินทรวิโรฒ.
พงษ์ประพันธ์ ตุ่นแจ้, & ปริญญภาษ สีทอง. (2563). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติดินโคลนถล่ม ตามแนวคิดของเดวีส์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น, 15(1), 85-101.
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2566). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O- NET) ปีการศึกษา 2566. กรุงเทพมหานคร: สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน).
สาวิตรี อานมณี (2562).การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้การสอนแบบโฟนิกส์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. มหาสารคาม.
อรรชนิดา หวานคง. (2559). การสื่อสารทางภาษาอังกฤษในสังคมสมัยใหม่. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ วิทยาลัยการศึกษา.
Berlitz Thailand. (2023). Berlitz ranking of English proficiency worldwide. Berlitz.
English Parks. (2565). หลักสูตรการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการพัฒนาทักษะการออกเสียง. สำนักพิมพ์ภาษาอังกฤษ.
Lewis, M., & Ellis, S. (2006). Phonics: Practice, research, and policy. Paul Chapman Publishing.
Taba, H. (1962). Curriculum development: Theory and practice. Harcourt Brace.
Seasia Stats. (2023). EF English Proficiency Index 2023: Thailand’s ranking. Seasia Stats.
