กลยุทธ์การบริหารการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง

Main Article Content

กาญจนา หนูอุไร
สุภัตรา ภูษิตรัตนาวลี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบการบริหารการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง 2) สร้างกลยุทธ์การบริหารการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง และ 3) รับรองกลยุทธ์ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธีทั้งเชิงประมาณและเชิงคุณภาพ การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบการบริหารการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง โดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จากกลุ่มผู้เกี่ยวข้องจำนวน 400 คน นำผลการสำรวจจากแบบสอบถามไปวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสํารวจ (Explorative Factor Analysis : EFA) หาองค์ประกอบร่วมและตั้งชื่อองค์ประกอบ ระยะที่ 2 สร้างกลยุทธ์ ประกอบด้วยส่วนที่ 1 คือ การสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลเชิงลึก จำนวน 16 คน ใช้แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ภายนอก โอกาส และอุปสรรคในการบริหารการศึกษา และส่วนที่ 2 คือการสนทนากลุ่มผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกของผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 14 คน วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์และสร้างกลยุทธ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 3 รับรองกลยุทธ์ด้วยการประเมินความสอดคล้องความเหมาะสม เป็นไปได้ และมีประสิทธิภาพของกลยุทธ์โดยผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


          ผลการวิจัยพบว่า 1.องค์ประกอบของการบริหารการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การบริหารวิชาการ 2) การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อสิ่งบริการและความช่วยเหลือ 3) การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา 4) นโยบายการบริหารการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 5) การบริหารงานบุคคล 6) การจัดสิ่งแวดล้อม 2. กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1) วิสัยทัศน์ "จัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษอย่างมีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” 2) พันธกิจ 5 ข้อ 3) เป้าประสงค์ 5 ข้อ 4) กลยุทธ์หลัก 4 กลยุทธ์ กลยุทธ์รอง 16 กลยุทธ์ และแนวทางการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ 65 แนวทางค่าความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ) = เท่ากับ 4.663 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ.447

Article Details

ประเภทบทความ
บทความ

เอกสารอ้างอิง

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. (2559). รายงานผลการศึกษา เรื่องการกล่าวหาการชี้มูล ความผิดข้อทักท้วง และพฤติกรรมการกระทำความผิดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. เรียกใช้เมื่อ 24 ตุลาคม 2561 จาก http://www.dla.go.th/upload/ebook/column/2016/7/2176_5794.pdf

จริยา ตรุษฎี. (2562). แนวทางการจัดการเรียนร่วมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.

ชูศักดิ์ ศิริเชียงพิณ, อนุชา ภูมิสิทธิพร, ศิริวิมล ใจงาม และ สุวพัชร์ ช่างพินิจ. (2566). การ บริหารภาคีเครือข่ายเพื่อความเป็นเลิศในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในเขตจังหวัดพิษณุโลก. วารสารศึกษาศาสตร์ มมร, 11(1), 52-53.

ญาณวรุตม์ ติระพัฒน์, มัทนา วังถนอมศักดิ์, & วรกาญจน์ สุขสดเขียว. (2565). การจัดการ เรียนรวมของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ตฤณ กิตติการอำพล. (2560). การสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. รายงานวิจัยทุนวิจัยเลขที่สัญญา 40/2560, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา.

นิศา สุนิล. (2564). การศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพอันพึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของการบริหารโรงเรียนต้นแบบของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 7(1), 44-45.

พจนานุกรมฉบับมหาชน. (2546). พจนานุกรมฉบับมหาชน (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ.

ศิริชัย กาญจนวาสี. (2553). การบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สมฤดี พละวุฑิโฒทัย. (2566). การบริหารจัดการการศึกษาพิเศษในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารนวัตกรรมการศึกษาและการวิจัย, 7(4), 1254.

สถาบันพระปกเกล้า. (2567). องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย. จาก https://www.kpi-corner.com/content/8073/local0001

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2531). หลักสูตรการศึกษาพิเศษ พ.ศ. 2531 กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.

สุนิสา สกุลเกื้อกุล. (2563). รูปแบบการจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมสำหรับสถานศึกษาในจังหวัดน่าน. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.

สุเมธ งามกนก, & วิโรฒน์ ชมภู. (2565). การศึกษาผลการจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา. วารสาร HRD Journal, 13(1), 29.

อุ่นใจ จาวโกนันท์. (2566). การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการบริหารจัดการศึกษาสำหรับ เด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษของศูนย์การศึกษาพิเศษ ส่วนกลาง สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. วารสารวิชาการสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 9(2),1.

เพิ่มพูน สานิชวรรณกุล. (2560). ประสบการณ์ทางจิตใจในระยะแรกของพ่อแม่หลังจากลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะจิตวิทยา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ญาณวรุตม์ ติระพัฒน์, มัทนา วังถนอมศักดิ์, & วรกาญจน์ สุขสดเขียว. (2565). การจัดการ เรียนรวมของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน.

Eisner, E. W. (1976). Educational connoisseurship and criticism: Their form and function in educational evaluation. Journal of Aesthetic Education, 10(3), 135–150.

Higgins, E. T., & Vincze, C. R. (1993). Making judgments: A social judgment theory. In M. P. Zanna (Ed.), The psychology of persuasion: Persisting attitudes and changing behavior (2nd ed., pp. 15–38). Mahwah, NJ: Erlbaum.

Keeves, P. J. (1988). Educational research, methodology and measurement: An international handbook. Oxford: Pergamon Press..

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30, 607–610.

Lewin, K. (1952). Group decision and social change. In G. E. Swanson, T. M. Newcomb, & E. L. Hartley (Eds.), Readings in social psychology (pp. 330–344). New York: Holt.

McMillan, J. H., & Schumacher. (2001). Research in education (5th ed.). New York: Addison Wesley Longman, Inc.

Sekaran, U., & Bougie, R. (2016). Research methods for business: A skill-building approach (7th ed.). West Sussex: Wiley & Sons.

World Health Organization, & World Bank. (2011). World report on disability. Geneva: WHO Press.