การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัย ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อศึกษาการบริหารแบบมีส่วนร่วมของสถานศึกษา 2. เพื่อศึกษาประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา 3. เพื่อศึกษาการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา 4. เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และ ครู สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ปีการศึกษา 2567 เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยเทคนิคการสุ่มแบบแบ่งชั้น รวมทั้งสิ้น 293 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การถดถอยเชิงพหุคูณ และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
- การบริหารแบบมีส่วนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแยกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ได้แก่ ด้านความเป็นอิสระต่อความรับผิดชอบในงาน รองลงมา คือ การตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน ความยึดมั่นผูกพัน และ การไว้วางใจกัน
- ประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแยกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ได้แก่ ความพึงพอใจของครู รองลงมา คือ ด้านพัฒนาการของเด็กปฐมวัย และ ด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
- ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 พบว่า มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบบพหูคูณมีค่า .824 และกำลังสองของค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบบพหุคูณมีค่า .678 ตัวแปรพยากรณ์ทั้งหมดร่วมกันพยากรณ์ผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา ได้ร้อยละ 82.4 และค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์มีค่า .28164 แสดงว่าตัวแปรพยากรณ์ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 มีความสัมพันธ์เชิงบวก อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 จำนวน 2 ด้าน คือ การไว้วางใจกัน (X4) และ การตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน (X1) โดยส่งผลกันในทางบวกทุกด้าน
- แนวทางการพัฒนาการบริหารแบบการมีส่วนร่วมของสถานศึกษาควรส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกันในชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของกันและกัน การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้จากภาคปฏิบัติและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะทำให้การมีส่วนร่วมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน ผู้บริหารสถานศึกษาควรเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและโปร่งใสกับสมาชิกในชุมชน เช่น การสื่อสารและเปิดโอกาสให้ชุมชนแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาในสถานศึกษา เป็นต้น
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพ : โรงพิมพชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กัญวัญญ์ ธารีบุญ และนพดล เจนอักษร. (2558). การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัย. ในวิทยานิพนธ์ ศษ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
กัณฐิกา สุระโคตร. (2559). ความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการครูโรงเรียนขนาดกลาง ในอำเภอแก่งหางแมว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 1. ใน วิทยานิพนธ์ กศ.ม. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
จิราภรณ์ เพชรทัต. (2558). การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารกับความเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1. ใน วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร.
ชิตพล สุวรรณผา. (2556). การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ด้านผู้เรียนในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น.ใน วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นิสราพร แช่มชูงาม. การบริหารแบบมีส่วนร่วมกับคุณภาพชีวิตการทำงานของครูใน สถานศึกษาสังกัดเทศบาลกลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 4. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2561.
นุชนาถ สอนสง และ ดร.สงวน อินทร์รักษ์. (2561). การบริหารแบบมีส่วนร่วมของกลุ่มเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการมัธยมศึกษาจังหวัด. ใน วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร.
เรืองยศ เวียงนนท์. (2563). การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการจัดการศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษา อำเภอเมืองร้อยเอ็ดสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
ฤทัยรัตน์ ปัญญาสิม. (2560). การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9. ใน วิทยานิพนธ์ ค.ม. นครปฐม: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
A. Bryman, Leadership and Organization, (London: Rout edge & Kegan Paul, 1986), 139.
Agho, Mueller and Price. (2001). Educational Administration : Theory, Research, and Practice. New York : McGrow-Hill.
Bryman. (1986). Leadership and Organization. London: Rout edge and Keg an Paul.
Cameron K. M and Whetten W. E., Human Relations, Overcoming Resistance To Change 1, (November 1982): 99.
Daft, R. (2003). Management (6th ed). Cincinnati, OH: South-Western.
David P. Gillham, “Professional Staff and Parent Perceptions of School Effectiveness of Seventh – day Adventist K – Schools in the North AmericaDivision”Accessed December 25,2023, http://www.thailis.uni. net.th/dao/printarticles.nsp.
Lock, P. & Crawford, J. (2000). The Application of Diagnostic Model and Surveys in Organizational Development. Journal of Management Psychology, 15(2),17.
Lunenburg, F.C. & Ornstein, A.C. (2000). Educational Administration: Concepts and Practice. 3rd ed. Belmont: Wadsworth.
Watkins, K. E. (2003). Sculpting the learning organization. San Francisco: Jossey-Bass.
Watkins, K. E. and Marsick, V. J.(1993). Sculpting the Learning Organization: Lessons in The Art and Science of Systemic Change. San Francisco, Calif.: Jossey-Bass.Wayne K. Hoy and Cecil G. Miskel, Education administration: Theory research and practice, (1991)379.
Yukl, G. A. (1981). Leadership in Organization. NewYok:Prentice-Hill.