รูปแบบการพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาในเขตอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

บทคัดย่อ

       การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา 2) เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา 3) เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง รวมทั้งสิ้น 28 รูป/คน นำเสนอผลการวิจัยด้วยพรรณนาวิธี
       ผลการวิจัยพบว่า 1) การบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาพระปริยัติธรรม สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร ผู้บริหารควรมีกระบวนการสรรหาบุคลากรที่มีความรู้และทักษะตรงตามความต้องการ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาตนเองและการประเมินผลการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน นอกจากนี้ การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและการรักษาวินัยที่ยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างบุคลากรกับองค์กร ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน 2) กระบวนการพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้บริหารและบุคลากรทุกคน โดยมุ่งเน้นการสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการสื่อสารที่เข้าใจง่าย การมีส่วนร่วมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในสถานศึกษา ผู้บริหารกล้าที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และสนับสนุนให้ครูและบุคลากรริเริ่มแนวทางการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ การส่งเสริมการพัฒนาตนเองผ่านการศึกษาเพิ่มเติมและการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ การสร้างบรรยากาศการทำงานที่เปิดรับความคิดเห็นช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความคิดสร้างสรรค์ ในกระบวนการแก้ปัญหา ผู้บริหารใช้ความรู้และประสบการณ์ในการตัดสินใจ โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของบุคลากรในการเสนอความคิดเห็นและแนวทางแก้ไข การพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้บริหารและบุคลากร ทำให้สามารถเผชิญความท้าทายและพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืนในอนาคต
3) รูปแบบการพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีความสำคัญในการสร้างการศึกษาให้ก้าวทันโลกและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศ การศึกษาคือเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาบุคคลและสังคม โดยจำเป็นต้องมีผู้บริหารที่มีความสามารถในการจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารจำเป็นต้องพัฒนาทักษะภาวะผู้นำเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีความคิดริเริ่มในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ผู้นำที่มีคุณธรรมสามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้ร่วมงานทำงานอย่างมีประสิทธิผล การบริหารจัดการควรเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และการพัฒนาครูผู้สอนให้มีความรู้และทักษะที่เหมาะสม ในด้านความยืดหยุ่น ผู้บริหารต้องสามารถปรับตัวตามบริบทที่เปลี่ยนแปลง โดยเปิดรับความคิดเห็นจากครูและบุคลากร และสนับสนุนให้คิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ในการปฏิบัติงาน สร้างบรรยากาศการทำงานที่มีส่วนร่วม และส่งเสริมการทำงานแบบบูรณาการ ด้านจินตนาการ ผู้บริหารควรมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการพัฒนาโรงเรียน โดยวิเคราะห์สถานการณ์และวางแผนอย่างมีระบบ กล้าตัดสินใจเพื่อพาองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพ สุดท้าย ในด้านการแก้ปัญหา ผู้บริหารควรเปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และสร้างความร่วมมือในการหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์สูงสุด การพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยยกระดับการศึกษาอย่างยั่งยืนในอนาคต