การประเมินโครงการลับสมองประลองปัญญา โรงเรียนวัดปลักปลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4

Main Article Content

จารุวรรณ สุขชะอม
อโนทัย ประสาน
เบญจพร ชนะกุล

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินด้านสภาวะแวดล้อม 2) ประเมินด้านกระบวนการ และ 3) ประเมินด้านผลผลิตของโครงการลับสมองประลองปัญญา โรงเรียนวัดปลักปลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน รวมทั้งสิ้น 175 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 175 คนและแบบสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวน 10 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา


          ผลการวิจัยพบว่า


  1. ด้านสภาวะแวดล้อม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ความต้องการจำเป็นของโครงการ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด และความเป็นไปได้ของโครงการมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด โครงการมีวัตถุประสงค์ชัดเจน สอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มุ่งยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและพัฒนาสมรรถนะสำคัญด้านต่างๆของผู้เรียน มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ และสื่อการเรียนรู้ มีความเหมาะสมและส่งเสริมศักยภาพนักเรียนได้อย่างรอบด้าน

  2. ด้านกระบวนการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การดำเนินกิจกรรมตามโครงการ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด และการปรับปรุงและพัฒนาโครงการ มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด โครงการมีการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและมีเป้าหมายชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของโรงเรียนและความต้องการของผู้เรียน กิจกรรมออกแบบเหมาะกับช่วงวัย เน้นพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ทั้งการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน ส่งผลให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและกล้าแสดงออกมากขึ้น การประเมินผลมีความครอบคลุม และสะท้อนผลสัมฤทธิ์ได้อย่างชัดเจน บูรณาการเทคโนโลยีและเกมการเรียนรู้ และพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น

  3. ด้านผลผลิตของโครงการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด และด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด การเข้าร่วมโครงการของนักเรียนสามารถช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอย่างชัดเจน โดยนักเรียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งด้านการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ นักเรียนกล้าที่จะคิดและแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล

Article Details

ประเภทบทความ
บทความ

เอกสารอ้างอิง

จันทนา นนทิกร. (2551). การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).

พิมพ์ชนก ศรีวิลัย. (2565). การประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพโรงเรียนวัดพรหมโลก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4. ใน สารนิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.

พรทิพย์ รักนุ้ย. (2567). การประเมินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดภูเขาทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1. ใน สารนิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.

โยฮัน ปะดอ และซูฮัยรี บืองาฉา. (2566). การประเมินกระบวนการบริหารโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนศรีวารินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานราธิวาส. วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 7(2), 15-26

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2). (2545). ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนที่ 74 ก หน้า 17 (19 ธันวาคม 2545).

ลภัสรดา เกตุสกุล. (2565). การประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช “ณ นครอุทิศ” สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1. ใน สารนิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.

เวชพงศ์ หนูด้วง. (2564). การประเมินโครงการส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการโดยกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนบ้านบ่อหิน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2. ใน สารนิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.

วิจารณ์ พานิช. (2555). วิธีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.