วารสารการบริหารและพัฒนาวิทยาลัยพิชบัณฑิต https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu th-TH sasirada.p63@gmail.com (สำนักงานโครงการวารสารการบริหารและพัฒนาวิทยาลัยพิชญบัณฑิต ) nuspong.ggg@gmail.com (สำนักงานโครงการวารสารการบริหารและพัฒนาวิทยาลัยพิชญบัณฑิต ) Wed, 19 Nov 2025 14:16:48 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษาต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu/article/view/5471 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษาตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 4) ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเพชรสุวรรณวิเทศศาสตร์&nbsp; ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 20 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) เกมการศึกษา 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ค่าความยากง่ายระหว่าง 0.34–0.73 มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.21–0.79 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 4) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และการทดสอบค่า t แบบ ไม่เป็นอิสระต่อกัน และแบบกลุ่มเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li class="show">ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษา E1/E2เท่ากับ 82.63/85.33</li> <li class="show">ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษาสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</li> </ol> <p>ที่ระดับ .05</p> <ol start="3"> <li class="show">ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยเกมการศึกษาสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</li> <li class="show">ความพึงพอใจต่อจัดการเรียนรู้แบบ STAD&nbsp; เสริมด้วยเกมการศึกษา อยู่ในระดับมากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมาก</li> </ol> ละดา ดอนหงษา ; สุภาวรรณ ขันธวัตร์, สุรินยา ศรีขวาชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu/article/view/5471 Wed, 19 Nov 2025 00:00:00 +0700 ผลการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยผังความคิดต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu/article/view/5473 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด กับเกณฑ์ร้อยละ 75 และ 3) ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทพนุสรณ์ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 1 ห้อง จำนวน 23 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย ระหว่าง 0.47-0.80 ค่าอำนาจจำแนก &nbsp;ระหว่าง 0.20-0.33 ค่าความเชื่อมั่น 0.94 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test for Dependent) และการวิเคราะห์ค่าทีแบบกลุ่มเดียว (One sample t-test)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li class="show">นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05</li> <li class="show">นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</li> <li class="show">ความพึงพอใจ ต่อการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เสริมด้วยแผนผังความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด</li> </ol> ปวริศา สีกุด; ละดา ดอนหงษา, อมรรัตน์ พันธ์ประโคน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu/article/view/5473 Wed, 19 Nov 2025 00:00:00 +0700 ผลการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu/article/view/5474 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ&nbsp; 1) ศึกษาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะตามเกณฑ์ 75/75&nbsp; 2) ปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะ&nbsp; 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะกับเกณฑ์ร้อยละ 75&nbsp; 4) ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5&nbsp; กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนบ้านหนองบัวคำแสน อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 16 คน&nbsp; โดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบฝึกทักษะ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเทคโนโลยี มีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.30 - 0.72 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.27 - 0.61 และค่าความเชื่อมั่น 0.92&nbsp; 4) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM&nbsp; เสริมด้วยแบบฝึกทักษะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, E1/E2, ค่าทีแบบไม่อิสระ และแบบกลุ่มเดียวเทียบกับเกณฑ์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li class="show">ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะ มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 78.56 /79.85</li> <li class="show">ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</li> <li class="show">ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</li> <li class="show">ความพึงพอใจ ต่อการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM เสริมด้วยแบบฝึกทักษะ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับ มากที่สุด</li> </ol> ภูมินทร์ อนุอัน; ละดา ดอนหงษา, ประดับเกียรติ์ จันทร์ไทย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so12.tci-thaijo.org/index.php/pcbu/article/view/5474 Wed, 19 Nov 2025 00:00:00 +0700