วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr
<table border="0" cellspacing="1" cellpadding="5" align="center"> <tbody> <tr> <td class="style44" align="right" valign="middle" bgcolor="#e4f4ff"><strong>ชื่อวารสาร</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์</td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="top" bgcolor="#e4f4ff"><strong>ประเด็นที่เปิดรับ</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">1) ด้านการศึกษาและวิทยาการเรียนรู้<br />2) ด้านสหวิทยาการทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="middle" bgcolor="#e4f4ff"><strong>ระยะเวลาเผยแพร่</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">3 ฉบับต่อปี (เมษายน, สิงหาคม, ธันวาคม)</td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="top" bgcolor="#e4f4ff"><strong>ISSN</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">2822-1397 (Online)</td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="top" bgcolor="#e4f4ff"><strong>รูปแบบการตีพิมพ์</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"><span class="style43">ออนไลน์</span></td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="top" bgcolor="#e4f4ff"><strong>หน่วยงาน</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่</td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="top" bgcolor="#e4f4ff"><strong>ภาษา</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ</td> </tr> <tr> <td class="style44" align="right" valign="top" bgcolor="#e4f4ff"><strong>Article Processing Charge (APC)</strong>:</td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD"> </td> <td class="journalInfo" bgcolor="#FDFDFD">1) บทความภาษาไทย 3,500 บาท <br />2) บทความภาษาอังกฤษ 4,500 บาท</td> </tr> </tbody> </table>
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่
th-TH
วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2822-1397
-
ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/3152
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 2) ศึกษาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และ 3) ศึกษาภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า 1) ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงของของอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) การจัดการเรียนรู้เชิงรุกของอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 3) ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จำนวน 3 ด้าน คือการคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล การกระตุ้นการใช้ปัญญา และการสร้างแรงบันดาลใจ สามารถพยากรณ์ได้ว่าส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ของอาจารย์ได้ร้อยละ 78.3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p>
สมหญิง จันทรุไทย
ประพจน์ แย้มทิม
รัชชัยย์ ศรสุวรรณ
สมหมาย เทียนสมใจ
สมจินตนา จิรายุกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
1
12
-
ศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของหลักเบญจศีลและหลักเบญจธรรมที่ปรากฏในพระพุทธศาสนา
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/3966
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาหลักเบญจศีลในพระพุทธศาสนา 2) เพื่อศึกษาหลักเบญจธรรมในพระพุทธศาสนา และ 3) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของหลักเบญจศีลและหลักเบญจธรรมที่ปรากฏในพระพุทธศาสนา เป็นการศึกษาวิจัยเชิงเอกสาร</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <ol> <li>หลักเบญจศีล ตามที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา มีความหมายว่า ความประพฤติชอบทางกายและวาจาการรักษากายวาจาให้เรียบร้อย การรักษาปกติตามระเบียบวินัย ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่วการควบคุมตนให้ตั้งอยู่ในความไม่เบียดเบียน เรียกเพิ่มขึ้นว่าเป็น นิจศีล คือ ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นประจำบ้าง มี 5 ประการ คือ 1) ปาณาติปาตาเวรมณี เว้นจากการปลงชีวิตเว้นจากการฆ่าการประทุษร้าย 2) อทินนาทานาเวรมณี เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้ 3) กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกาม 4) มุสาวาทาเวรมณี เว้นจากการพูดเท็จโกหกหลวงลวง 5) สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานาเวรมณี <br />เว้นจากน้ำเมา</li> <li>หลักเบญจธรรมในพระพุทธศาสนา เป็นข้อพึงปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนาคู่กับศีล 5 และเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติเจริญก้าวหน้า และปลอดภัย เพิ่มพูนความดีแก่ผู้กระทำ ประกอบไปด้วย 1) เมตตากรุณา คือ ความรักและความปรารถนาดีที่มีต่อกัน 2) สัมมาอาชีวะ คือ การประกอบอาชีพสุจริต 3) กามสังวรหรือความสำรวมอินทรีย์ คือ การระมัดระวังหู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ 4) สัจจะหรือความซื่อสัตย์ คือ การพูดความจริง พูดตรง พูดสิ่งที่มีประโยชน์ และ 5) สติสัมปชัญญะ คือ การระลึกได้ การรู้สึกตัวอยู่เสมอ ไม่ปล่อยใจให้ไปตกเป็นทาสของความชั่วหรือสิ่งเสพติดต่าง ๆ</li> <li>ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของหลักเบญจศีลและหลักเบญจธรรมที่ปรากฏในพระพุทธศาสนา ความสัมพันธ์ของเบญจศีลและเบญจธรรมมีความสัมพันธ์กัน 3 ด้าน คือ 1) ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ คือหลักเบญจศีลและเบญจธรรมในเชิงคำสอนมีความสัมพันธ์ที่เสริมสร้างกัน เบญจศีลกำหนดขอบเขตของพฤติกรรมเพื่อป้องกันความผิดพลาด ขณะที่เบญจธรรมช่วยปลูกฝังคุณธรรมในจิตใจเพื่อให้การปฏิบัติเบญจศีลเป็นไปอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด 2) ความสัมพันธ์เชิงหลักคำสอน คือการเกื้อหนุนกันเพื่อสร้างพฤติกรรมที่ดีงามและพัฒนาจิตใจให้มีคุณธรรม ศีลทำหน้าที่เป็นกรอบการปฏิบัติที่ควบคุมพฤติกรรมภายนอก ขณะที่ธรรมช่วยพัฒนาจิตใจ 3) ความสัมพันธ์เชิงวิธีปฏิบัติ ในระดับครอบครัว คือ หลักเบญจศีลและเบญจธรรมในเชิงครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ช่วยเกื้อหนุนกัน เบญจศีลทำหน้าที่เป็นกรอบเพื่อควบคุมพฤติกรรมที่เป็นโทษในครอบครัว ส่วนเบญจธรรมเป็นการพัฒนาคุณธรรมภายในที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้มั่นคง และในระดับสังคม คือ บทบาทสำคัญในการสร้างสังคมที่สงบสุข มีความไว้วางใจ และ<span style="font-size: 0.875rem;">มีคุณธรรม การปฏิบัติตามเบญจศีลช่วยควบคุมพฤติกรรมที่เป็นโทษในสังคม ส่วนเบญจธรรมช่วยเสริมสร้างคุณธรรมในจิตใจ เพื่อให้การอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน</span></li> </ol>
ธนัญญารมณ์ ณัชรัชธนันทน์
พระครูสุนทรธรรมนิทัศน์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
13
25
-
ศึกษาวิเคราะห์ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในคัมภีร์พุทธวงศ์
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/3967
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาต้นไม้ที่ปรากฏในพระพุทธศาสนา 2) เพื่อศึกษาต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในคัมภีร์พุทธวงศ์ และ 3) เพื่อวิเคราะห์ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในคัมภีร์พุทธวงศ์ เป็นการศึกษาวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) จากเอกสารชั้นปฐมภูมิ ได้แก่ พระไตรปิฎก อรรถกถา และเอกสารชั้นทุติยภูมิ ได้แก่ เอกสาร ตำรา งานวิจัย และบทความทางวิชาการ</p> <p><strong>สรุปผลการศึกษาวิจัย ดังนี้</strong></p> <ol> <li>คำว่า “ต้นไม้” ตรงกับคำบาลีว่า “รุกฺข” ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ (1) ต้นไม้ที่เกิดจากต้น (2) ต้นไม้ที่เกิดจากเมล็ด ในพีชสูตร ได้กล่าวถึงประเภทของพืช หรือต้นไม้ 6 ชนิด คือ 1) พืชทั้งหลาย 2) พืชเกิดแต่ราก 3) พืชเกิดแต่ลำต้น 4) พืชเกิดแต่ข้อ 5) พืชเกิดแต่ยอด และ 6) พืชเกิดแต่เมล็ด สำหรับต้นไม้ที่ปรากฏในพระพุทธศาสนา และมีความเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีทั้งหมด 22 ประเภท ประกอบไปด้วย 1) ต้นโพธิ์ 2) ต้นสาละ 3) ต้นไทร 4) ต้นจิก 5) ต้นเกต 6) ต้นทองหลาง 7) ต้นหว้า 8) ต้นประดู่ลาย 9) ต้นสีเสียด 10) ต้นสะเดา 11) ต้นตะเคียนทอง 12) ต้นมะม่วง 13) ต้นมะขามป้อม <br />14) ต้นส้ม 15) ต้นกุ่ม 16) ต้นไผ่ 17) ต้นฝ้าย 18) ต้นตาล 19) ต้นมะตูม 20) ต้นทองกวาว 21) ต้นงิ้ว 22) ต้นสมอ</li> <li>ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในคัมภีร์พุทธวงศ์นั้น มีทั้งหมด 17 ต้น คือ 1) ต้นเลียบ เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระทีปังกรพุทธเจ้า 2) ต้นสาลกัลญานี เป็นพระโกณฑัญญะพุทธเจ้า 3) ต้นกากะทิง เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ ได้แก่ พระมังคลพุทธเจ้า พระสุมนพุทธเจ้า พระเรวตพุทธเจ้า พระโสภิตพุทธเจ้า 4) ต้นรกฟ้าต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า 5) ต้นอ้อยช้างใหญ่ เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของ พระปทุมพุทธเจ้า พระนารทพุทธเจ้า และ พระเวสสภูพุทธเจ้า 6) ต้นสนเป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระปทุมุตรพุทธเจ้า 7) ต้นสะเดาเป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระสุเมธพุทธเจ้า 8) ต้นไผ่ เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระสุชาตพุทธเจ้า 9) ต้นจำปา เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า 10) ต้นมะกล่ำ เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า 11) ต้นกรรณิการ์ เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระสิตธัตถพุทธเจ้า 12) ต้นมะขามป้อม เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระปุสสพุทธเจ้า 13) ต้นแคฝอย เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระวิปัสสีพุทธเจ้า 14) ต้นกุ่มบก เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระสิขีพุทธเจ้า 15) ต้นซึก เป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระกกุสันธพุทธเจ้า 16) ต้นไทรเป็นต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระกัสสปพุทธเจ้า และ 17) ต้นโพธิ์ เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระโคตมพุทธเจ้า</li> <li>การวิเคราะห์ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในคัมภีร์พุทธวงศ์ ผู้วิจัยได้กำหนดประเด็นในการวิเคราะห์ 8 ประเด็น ดังนี้ 1) ความสำคัญทางศาสนา คือ ต้นไม้ทั้ง 17 ประเภทเป็นจุดเริ่มต้นของ<br />การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในคัมภีร์พุทธวงศ์ เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงบรรลุธรรมและค้นพบ อริยสัจ 4 2) เป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ เป็นสัญลักษณ์ของการค้นพบความจริงหรือการตื่นรู้ 3) ความหมายเชิงสัญลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของต้นไม้ในฐานะเป็นสถานที่ตรัสรู้และเป็นต้นไม้มงคลสำหรับชาวพุทธ 4) สัญลักษณ์ของความอดทนต่ออุปสรรคและมาร 5) ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและการสื่อสารกับธรรมชาติ เป็นการพิจารณาถึงบทบาทของต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในมิติที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ 6) สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ เป็นความสมบูรณ์ของปัญญาของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ เปรียบเสมือนเมล็ดและต้นไม้ที่เจริญงอกงามให้ร่มเงา 7) ผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชน เป็นต้นไม้ที่มีผลกระทบทั้งในด้านจิตใจ ความเชื่อ ศาสนพิธี และวัฒนธรรม 8) ในเชิงปรัชญา คือ ต้นไม้เป็นเสมือนสิ่งที่สนับสนุนเกิดปัญญา เป็นครูแห่งการตรัสรู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเพียรพยายามและบรรลุธรรมสูงสุด</li> </ol>
พระมหาสืบศักดิ์ โชติวโร (คล้ายสุวรรณ์)
พระราชเขมากร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
26
38
-
การพัฒนาชุดกิจกรรม STREAMM เพื่อส่งเสริมทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัย
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4237
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรม STREAMM ในการส่งเสริมทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัยให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาความสามารถของครูปฐมวัยในการใช้<br />ชุดกิจกรรม STREAMM เพื่อส่งเสริมทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัย และ 3) เพื่อศึกษาผลการส่งเสริมทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้ชุดกิจกรรม STREAMM กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ <br />ครูระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 จังหวัดลำปาง ที่จัดประสบการณ์การเรียนรู้ จำนวน 6 คน 3 โรงเรียน ๆ ละ 2 คน โดยการเลือกแบบอาสาสมัคร และนักเรียนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่อยู่ในชั้นเรียนของครูปฐมวัยกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 102 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ชุดกิจกรรม STREAMM แบบสังเกตทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัย และแบบประเมินตนเองในการจัดกิจกรรมของครูปฐมวัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าประสิทธิภาพ E<sub>1</sub>/ E<sub>2</sub></p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <ol> <li>ชุดกิจกรรม STREAMM เพื่อส่งเสริมทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัยมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80</li> <li>ครูระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 จังหวัดลำปาง ที่จัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามชุดกิจกรรม STREAMM เพื่อส่งเสริมทักษะกำกับตนเองของเด็กปฐมวัยมีมีความสามารถในการจัดกิจกรรมหลังการจัดกิจกรรมสูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรม โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 19.83 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.82 และเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 25.83 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.58</li> <li>นักเรียนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่อยู่ในชั้นเรียนของครูปฐมวัยกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 102 คนมีทักษะกำกับตนเองหลังการจัดกิจกรรมสูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรมโดยก่อนการจัดกิจกรรม มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 3.64 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.98 และหลังจัดกิจกรรมมี่คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 7.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.55</li> </ol>
รติรส ก้อนเงิน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
39
53
-
ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษาองค์กรแห่งหนึ่ง
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4601
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหาร กรณีศึกษาองค์กรแห่งหนึ่ง 2) ระดับประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของผู้บริหาร กรณีศึกษาองค์กรแห่งหนึ่ง และ 3) อิทธิพลของภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษาองค์กรแห่งหนึ่ง เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บุคลากรทางการศึกษาในองค์กรแห่งหนึ่ง ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย แบบวิธีจับฉลาก จำนวน 76 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การทดสอบสมการถดถอยพหุคูณ และการทดสอบสมมติฐาน</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <ol> <li>ระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก</li> <li>ระดับประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก</li> <li>สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหาร มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.646, 0.690, 0.711, 0.756 และ 0.652 ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษาองค์กรแห่งหนึ่ง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ผลการวิเคราะห์วิธีการถดถอยพหุคูณประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอำนาจพยากรณ์ร้อยละ 58.30 (R<sup>2</sup>=.583) และผลการทดสอบสมมติฐานภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารมีอิทธิพลในเชิงบวกต่อประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</li> </ol>
ณัฐสิริ พรหมมา
สุนิตดา เทศนิยม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
54
70
-
การบริหารหลักธรรมาภิบาลที่มีผลต่อคุณภาพการบริการภาครัฐ สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4605
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับการบริหารหลักธรรมาภิบาล สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2) ระดับคุณภาพการบริการภาครัฐ สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และ 3) อิทธิพลของการบริหารหลักธรรมาภิบาลที่ส่งผลต่อคุณภาพการบริการภาครัฐ สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ข้าราชการ และบุคลากร สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย ด้วยวิธีจับสลาก จำนวน 181 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การทดสอบสมการถดถอยพหุคูณ และการทดสอบสมมติฐาน</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <ol> <li>ระดับการบริหารหลักธรรมาภิบาล สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยรวมอยู่ในระดับมาก</li> <li>ระดับคุณภาพการบริการภาครัฐ สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยรวมอยู่ในระดับมาก</li> <li>สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์การบริหารหลักธรรมาภิบาล มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ 0.691, 0.763, 0.776, 0.696, 0.739 และ 0.784 ส่งผลต่อคุณภาพการบริการภาครัฐ สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ผลการวิเคราะห์วิธีการถดถอยพหุคูณคุณภาพการบริการภาครัฐ มีอำนาจพยากรณ์ร้อยละ 64.70 (R<sup>2</sup>=.647) และผลการทดสอบสมมติฐานการบริหารหลักธรรมาภิบาลมีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริการภาครัฐ สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</li> </ol>
วลัยพร นาครินทร์
ธีรพล กาญจนากาศ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
71
90
-
การพัฒนาระบบนิเวศและการจัดการตลาดชุมชนของชุมชนในจังหวัดแพร่
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4007
<p>วัตถุประสงค์ของบทความวิจัยนี้ เพื่อออกแบบผังตลาดและพัฒนาผังตลาดชุมชน เพื่อจัดการตลาดชุมชน และเพื่อประเมินผลการพัฒนาระบบนิเวศและการจัดการตลาดชุมชนของชุมชนในจังหวัดแพร่ <br />เป็นการวิจัยแบบเชิงปฏิบัติการ การวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างกับผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ 25 คน การสนทนากลุ่มเฉพาะ 15 รูปหรือคน และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ 25 คน เครื่องมือที่ใช้ การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่มเฉพาะ และแบบประเมิน การเก็บรวบรวมข้อมูล สัมภาษณ์ สนทนากลุ่มเฉพาะ และการเก็บแบบประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูล เชิงคุณภาพใช้ Content Analysis เชิงปฏิบัติการใช้ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p><strong> ผลการวิจัยพบว่า</strong></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">1. ผลการออกแบบผังตลาดได้ร่างแบบผังตลาดวัดมหาโพธิ์ ส่วนผลการพัฒนาผังตลาดได้ปรับปรุงแบบผังให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">2. ผลการจัดการตลาดชุมชน ได้จัดโซนสินค้า ติดป้ายบอกราคา เน้นชุมชนนำสินค้ามาจำหน่ายตรวจสารพิษ ทำเลที่ตั้ง จัดแผงขายสินค้าให้เรียบร้อย การร่วมมือกับวัดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทำแนวและทำป้ายจอดรถ ให้ชุมชนใกล้เคียงสามารถผลิตสินค้าทางการเกษตรมาจำหน่ายในตลาดได้การส่งเสริมการตลาด ตั้งไลน์กลุ่มคณะกรรมการ และกลุ่มผู้ขายสินค้า ทำเวปไซด์ตลาด ส่งเสริมให้คนในชุมชนและชุมชนใกล้เคียงนำสินค้ามาจำหน่าย ประชาชนมีความเข้มแข็งได้มีส่วนร่วมเป็นกรรมการพัฒนาตลาด</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">3. ผลการประเมินผลการพัฒนาระบบนิเวศและการจัดการตลาดชุมชนของชุมชนในจังหวัดแพร่ พบว่า โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาตลาดอย่างเต็มความสามารถ</span></p>
พระครูโสภณกิตติบัณฑิต ศรีทา
ฑีฆา โยธาภักดี
เขมิกา วริทธิ์วุฒิกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
90
106
-
การพัฒนาประสิทธิผลการปฏิบัติงานของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สำนักงานเขตสาทร กรุงเทพมหานคร
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4608
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การบริหารจัดการในงานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สำนักงานเขตสาทร กรุงเทพมหานคร 2) จุดแข็งและจุดอ่อนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สำนักงานเขตสาทร กรุงเทพมหานคร 3) ข้อเสนอแนะการพัฒนาประสิทธิผลการปฏิบัติงานของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สำนักงานเขตสาทร กรุงเทพมหานคร เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับศูนย์อาสาสมัครปองกันฝ่ายพลเรือน สำนักงานเขตสาทร กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ เลือกแบบเจาะจง จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้<br />ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และสร้างข้อสรุปเพื่อตอบคำถามตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <ol> <li>การบริหารจัดการเป็นกลไกการพัฒนาที่สำคัญในการเตรียมความพร้อม การช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ</li> <li>จุดแข็งของอาสาสมัคร คือ ความใกล้ชิดชุมชน จิตอาสา และการตอบสนองเชิงรุกต่อสถานการณ์ ขณะที่ข้อจำกัดสำคัญ ได้แก่ การขาดอุปกรณ์ การฝึกอบรมต่อเนื่อง สถานะทางกฎหมาย และแรงจูงใจเชิงระบบ</li> <li>ข้อเสนอเชิงนโยบาย ได้แก่ การกำหนดบทบาทชัดเจน พัฒนาทักษะกู้ภัยและการสื่อสาร สนับสนุนอุปกรณ์และงบประมาณ สร้างแรงจูงใจและสวัสดิการ รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและการบูรณาการกับหน่วยงานวิชาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความยั่งยืนของการป้องกัน และบรรเทา<br />สาธารณภัย</li> </ol>
ฉัตรชัย อังสุเชษฐานนท์
คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
107
126
-
สมรรถนะทางดิจิทัลของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4495
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสมรรถนะทางดิจิทัลของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะทางดิจิทัลของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรได้แก่ อาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จำนวน 1,131 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จำนวน 291 คน กำหนดขนาดตัวอย่างด้วยการเทียบตารางของเครจซีและมอร์แกน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <ol> <li>สมรรถนะทางดิจิทัลของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีโดยรวมอยู่ในระดับมาก</li> <li>แนวทางการพัฒนาสมรรถนะทางดิจิทัลของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ควรมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งด้านการสอน วิจัย การสื่อสาร และการปรับตัว โดยได้รับการสนับสนุนจากนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล</li> </ol>
เสงี่ยม บุษบาบาน
โสพัฒน์ โสภาภิมุก
ศิรชญาน์ การะเวก
ประพจน์ แย้มทิม
สิทธิพร โพธิ์ระหง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
127
141
-
แนวทางการพัฒนาสมรรถนะทางการวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4497
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา1) ระดับสมรรถนะทางการวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และ 2) แนวทางการพัฒนาสมรรถนะทางการวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี <br />เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ อาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จำนวน 1,131 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จำนวน 291 คน ได้มาจากการกำหนดขนาดตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของ เครจซีและมอร์แกน (Krejecie and Morgan,1970) จากนั้นทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) ตามสัดส่วน (Proportional Allocation) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม สถิติวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ เชิงเนื้อหา</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong></p> <ol> <li>ระดับสมรรถนะทางการวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีโดยรวมอยู่ในระดับมาก</li> <li>แนวทางการพัฒนาสมรรถนะทางการวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ควรดำเนินการทั้งในด้านความรู้ ทักษะ เครือข่าย ความร่วมมือ การใช้เทคโนโลยี และระบบสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานวิชาการและตอบสนองต่อความต้องการของสังคม</li> </ol>
กัญธิมา อิ่มใจ
สุทธาพัฒน์ อมรเรืองตระกูล
ณัฐวดี รังสิยานนท์
ปวีณ์ริสา ศิรกุลประเสริฐ
ประพจน์ แย้มทิม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
140
154
-
การพัฒนาระบบการสืบค้นข้อมูลเอกสารคัมภีร์โบราณทางพระพุทธศาสนาของวัดเพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นของจังหวัดลำพูน
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4326
<p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารวบรวมและวิเคราะห์เนื้อหาเอกสารคัมภีร์โบราณทางพระพุทธศาสนาในพื้นที่จังหวัดลำพูน 2) พัฒนาระบบการสืบค้นเอกสารคัมภีร์โบราณทางพระพุทธศาสนาของวัดในจังหวัดลำพูน และ 3) สร้างแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่นและถ่ายทอดองค์ความรู้คัมภีร์โบราณทางพระพุทธศาสนาของวัดในจังหวัดลำพูน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่มเฉพาะ แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาและนำเสนอแบบพรรณนาความ</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong></p> <p> 1. คัมภีร์โบราณในลำพูนมีความหลากหลายด้านเนื้อหา ภาษา และวัสดุจารึก ครอบคลุมหลักธรรมพื้นฐาน นิทานชาดก จริยธรรม และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น สะท้อนอิทธิพลพระพุทธศาสนาเถรวาทจากลังกา<br />ที่ปรับให้เข้ากับบริบทล้านนา</p> <p> 2. การพัฒนาระบบสืบค้นดิจิทัลช่วยให้เข้าถึงข้อมูลคัมภีร์ผ่านคำสำคัญ หมวดหมู่ หรือชื่อวัดอย่างสะดวกและแม่นยำ เป็นเว็บไชด์สืบค้นด้านคัมภีร์จริยาปิฎก ฉบับวัดบ้านโฮ่งหลวง ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน และมูลกัมมัฏฐาน ฉบับวัดบ้านหลุก ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยเน้นความง่ายต่อการใช้งานสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย</p> <p> 3. การสร้างแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น จัดตั้งแหล่งเรียนรู้เอกสารคัมภีร์โบราณหอไตรวัดป่าป๋วย ลำพูนเพื่อรวบรวม อนุรักษ์ และเผยแพร่คัมภีร์โบราณอักษรธรรมล้านนา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ช่วยให้ชุมชนมีส่วนร่วมจริง ทำให้ภูมิปัญญาล้านนาเชื่อมอดีตกับปัจจุบันและสืบสานอย่างยั่งยืน</p>
ธวัชชัย ไชยวุฒิ
พระครูสิริสุตานุยุต
เทพประวิณ จันทร์แรง
พัลลภ หารุคำจา
จันทรัสม์ ตาปูลิง
พระครูปริยัติรังสรรค์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
155
170
-
ความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของศาลไทย
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/4283
<p>บทความวิจัยเรื่อง ความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของศาลไทย เป็นการวิจัยเอกสาร (Documentary research) มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์และเปรียบเทียบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของประเทศไทยกับกฎหมายของประเทศเยอรมนีเกี่ยวกับการพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญา เพื่อให้ได้ข้อสรุปและข้อเสนอแนะในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายของประเทศไทย ที่จะเป็นผลให้กระบวนการพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของศาลไทยเกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น</p> <p> <strong>ผลการวิจัย พบว่า </strong><strong>:</strong></p> <ol> <li>ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของประเทศไทยยังมีบางประเด็นที่ขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากกระบวนการของการได้มาซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจของศาลในการสั่งตรวจหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ถูกจำกัดด้วยหลักสิทธิตามกฎหมาย</li> <li>การใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของศาลไทยยังขาดความน่าเชื่อถือโดยมีความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศเยอรมนีคือ การพิจารณาคดีอาญาของศาลไทยนั้นไม่ได้มีการรับฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากหลายฝ่ายในการให้ข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาคดีอาญา จำกัดเฉพาะหน่วยงานของภาครัฐที่ได้กำหนดหน้าที่รับผิดชอบไว้เท่านั้น จึงเป็นดุลพินิจของศาลที่จะเลือกพิจารณาใช้หรือไม่ก็ได้ ซึ่งมีผลต่อการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน การถ่วงดุลอำนาจการวินิจฉัยของศาลที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่ายก่อนคดีจะถึงที่สุด นอกจากนั้น พยานผู้เชี่ยวชาญยังไม่ได้ถูกแยกออกจากพยานบุคคลโดยชัดเจนเพราะถือเป็นพยานบุคคลประเภทหนึ่งเท่านั้น จึงทำให้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของประเทศไทยขาดผู้สนับสนุนให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีผลต่อการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานที่ใช้ประกอบการพิจารณาคดีอาญา</li> </ol>
รัฐวิทย์ แก้วทารมณ์
วิกานดา ใหม่เฟย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
171
191
-
การเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดแพร่
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/5100
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดแพร่ 2) เพื่อเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดแพร่ และ 3) เพื่อประเมินผลการเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดแพร่ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 33 รูป/คน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษาที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม ผู้นำชุมชน ผู้ปฏิบัติงานด้านศาสนา เยาวชน และนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ใช้วิธีดำเนินการวิจัยโดยการวิจัยเชิงเอกสาร การวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปฏิบัติการ เครื่องมือที่ใช้การวิจัยเป็นแบบการสัมภาษณ์ ชุดปฏิบัติการ การอบรมเชิงปฏิบัติการ และแบบประเมิน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ข้อมูลเชิงปริมาณใช้ค่าเฉลี่ย</p> <p><strong>ผลการศึกษาพบว่า </strong></p> <ol> <li>กระบวนการเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเป็นกระบวนการพัฒนาเยาวชนให้เป็นบุคคลต้นแบบในการทำกิจกรรมจิตอาสาโดยยึดหลักพุทธธรรมผ่านการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายร่วมกันดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนโดยการเตรียมความพร้อมเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธ รูปแบบกิจกรรมจิตอาสาวิถีพุทธเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม การดำเนินกิจกรรมพัฒนาเยาวชนจิตอาสาวิถีพุทธเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม การสร้างและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย การต่อยอดและขยายผลกิจกรรมพัฒนาเยาวชนจิตอาสาวิถีพุทธเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม</li> <li>การเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเรียนรู้บทบาทและหน้าที่ของเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธ ปลูกฝังให้เห็นคุณค่าในการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดแพร่ โดยการให้ความรู้เรื่องเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธ (พัฒนาปัญญา) แนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (พัฒนาปัญญา) กิจกรรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธ (พัฒนาศีล สมาธิ ปัญญา) สรุปและการสะท้อนคิด (พัฒนาปัญญา)</li> <li>การประเมินผลการเสริมสร้างเยาวชนต้นแบบจิตอาสาวิถีพุทธเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม ภาพรวมค่าเฉลี่ยความคิดเห็นเกี่ยวกับความรู้ที่ได้รับหลังจากการอบรมเชิงปฏิบัติการมากกว่าก่อนการอบรมเชิงปฏิบัติการ</li> </ol>
ชลธิชา จิรภัคพงค์
พระมหาชนินทร์ อธิวโร
สายัณห์ อินนันใจ
ธนนันท์ คุ้มถิ่นแก้ว
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
192
209
-
การพัฒนารูปแบบกิจกรรมจิตอาสาวิถีพุทธของเยาวชนแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในจังหวัดแพร่
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/jmkr/article/view/5020
<p>การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบกิจกรรมจิตอาสาวิถีพุทธของเยาวชนแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในจังหวัดแพร่ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม พื้นที่ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ ชุมชนบ้านทุ่งศรี ชุมชนบ้านเหมืองหม้อ ชุมชนบ้านปิน โดยมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญรวมทั้งหมด 25 รูป/คน ประกอบด้วย แกนนำเยาวชน จำนวน 9 คน ผู้นำชุมชน/ผู้แทน จำนวน 3 คน ผู้ปกครองแกนนำเยาวชน จำนวน 6 คน. ผู้ปฏิบัติงานด้านศาสนา จำนวน 3 รูป ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ผู้แทน จำนวน 2 คน นักวิชาการด้านการศึกษา จำนวน 2 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (in- depth Interviews) และแบบสนทนากลุ่ม (Focus groups Discussion) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong></p> <p>รูปแบบกิจกรรมจิตอาสาประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การกำจัดขยะและการพัฒนานวัตกรรมจัดการขยะชุมชนจนเกิดต้นแบบ ชุมชนอยู่พอดี มีพอใช้ ใจเป็นสุข 2. การจัดการพื้นที่สาธารณะโดยความร่วมมือของประชาชน และหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน และ 3. การเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามแนวคิด BCG Model เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และชุมชนคาร์บอนต่ำ กิจกรรมจิตอาสาของเยาวชนสะท้อนพฤติกรรมในสามมิติ ได้แก่ การช่วยเหลือผู้อื่น การเสียสละต่อสังคม และความมุ่งมั่นพัฒนาซึ่งล้วนส่งผลให้เยาวชนมีจิตสำนึกพลเมืองดีตามแนวคิดพุทธจิตอาสา และนำไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างสมดุล และยั่งยืน</p>
ฉวีวรรณ สุวรรณาภา
นพรัตน์ รัตนวงศ์
เขมิกา วริทธิ์วุฒิกุล
สุพจน์ แก้วไพฑูรย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร โกศัยปริทรรศน์
2025-12-12
2025-12-12
3 3
210
227