การศึกษาสมรรถนะหลักของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสมรรถนะหลักของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 2 2) เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะหลักของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 2 จำแนกตาม ตำแหน่ง ระดับการศึกษา และขนาดของสถานศึกษา 3) เพื่อศึกษาแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะหลักของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 2 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ประกอบการวิจัยประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษาและครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 รวมทั้งสิ้น 313 คน การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างยึดตามตารางของ Krejcie และ Morgan โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (stratified random sampling) เพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่มีความหลากหลาย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม (focus group discussion) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงการวิเคราะห์เชิงอนุมานด้วยสถิติ t-test และ F-test เพื่อทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม
ผลการวิจัยพบว่า
1.ระดับสมรรถนะหลักของผู้บริหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ผู้บริหารมีสมรรถนะในระดับสูงทั้ง 8 ด้าน โดยด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ด้านที่ 6 การสื่อสารและการสร้างแรงจูงใจ รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การให้บริการที่มีคุณภาพ และด้านที่ 5 การคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ด้านที่ 4 การทำงานเป็นทีม
- ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็น เกี่ยวกับสมรรถนะหลักของผู้บริหาร เมื่อจำแนกตามตำแหน่ง พบว่า โดยรวมแล้วไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในบางด้าน ได้แก่ ด้านการมุ่งผลสัมฤทธิ์ การให้บริการที่ดี การพัฒนาตนเอง การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการมีวิสัยทัศน์ ขณะที่ด้านการทำงานเป็นทีม การคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ รวมถึงการสื่อสารและการจูงใจ ไม่พบความแตกต่างทางสถิติ
- แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาสมรรถนะผู้บริหาร พบว่าควรมีการส่งเสริมให้ผู้บริหารให้คำแนะนำแก่บุคลากรเพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องนวัตกรรม และสนับสนุนการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการฝึกอบรมและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้ช่องทางประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในองค์กร นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการอบรมเพิ่มพูนทักษะในด้านที่จำเป็นต่อการบริหาร และสนับสนุนการทำงานเป็นทีม โดยที่ผู้บริหารควรมีบทบาทในการให้คำปรึกษา และสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ขวัญใจ เลิศฤทธิ์วิมานแมน. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับการจัดสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาเขต 6 จังหวัดสมุทรปราการ. ใน วิทยานิพนธ์ ค.ม.. มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.
จิรายุ ศีติสาร. (2565). การศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา จังหวัดเชียงราย. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยพะเยา.
ณัฐธีรา มีจันทร์. 2562. สมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารมจรพุทธปัญญาประดิพัทธ์. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี.
ณีรนุช ชินทุมพงษ์. (2563). การศึกษาสมรรถนะที่เป็นจริงและสมรรถนะที่คาดหวังของผู้บริหารสถานศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพคุรุสภา โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4. วารสารสิกขา ศึกษาศาสตร์. 7(1). 34- 44.
แผนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580. (2567). แผนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580. เรียกใช้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567. จาก https://dl.parliament.go.th/handle/ 20.500.13072
ไพฑูรย์ สินลารัตน์.(2563). อนาคตของครุศึกษาไทยกับการสร้างความฉลาดรู้. คุรุสภาวิทยาจารย์. 1(1), น. 1-7.
ทิพวัลย์ อ่างคำ. (2561). สมรรถนะของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาในโครงการสู่ความเป็นเลิศมาตรฐานสากล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภาคเหนือ. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยสยาม.
พิมพ์ชนก ธุวะคำ. (2565). สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน สังกัดมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย. ใน ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยพะเยา.
บรรจง ลาวะลี. 2560. บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคไร้พรมแดน. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด.
วิโรจน์ สารรัตนะ. (2557). ภาวะผู้นำ: ทฤษฎีและนานาทัศนะร่วมสมัยปัจจุบัน. กรุงเทพฯ:ทิพยวิทสุทธิ์.
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2556). คู่มือการพัฒนาหลักสูตรสมรรถนะ. กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.
อัจฉรา พยัคฆ์เกษม. (2559). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะผ้บริหารสถานศึกษาในอำเภอ คลองขลุง สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). “Determining sample size for research activities”. Educational and psychological measurement, 30(3), 607-610