รูปแบบการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อเสนอรูปแบบการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ได้แก่ ระเบียบวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการศึกษาเอกสาร และนำมาสร้างแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง เพื่อนำไปสัมภาษณ์เชิงลึก ข้อมูลสำคัญ จำนวน 5 คน พัฒนารูปแบบโดยการสนทนากลุ่ม ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 10 รูป/คน นำรูปแบบไปทดลองใช้และระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มแรก สภาพการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร คือ ผู้บริหารและครูจำนวน 382 คน กลุ่มตัวอย่างที่สอง โดยการตรวจสอบรูปแบบด้วยการแจกแบบสอบถามตามมาตรฐานการประเมิน 4 ด้าน คือ 1) ความเป็นประโยชน์ 2) ความเป็นไปได้ 3) ความเหมาะสม 4) ความถูกต้อง คือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีค่าความต้องการจำเป็น
ผลการวิจัย พบว่า
- สภาพการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน ด้านเทคโนโลยี มีความต้องการจำเป็นในการบริหาร ลำดับที่ 1 มีการให้ความสำคัญกับการควบคุมการปฏิบัติงานโดยใช้เทคโนโลยี ด้านความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง ลำดับที่ 1 มีการพัฒนาและการประเมินแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ในการจัดการช่องโหว่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมต่อการบริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านโครงสร้างองค์กร ลำดับที่ 1 มีการเน้นการตอบสนองหรือสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านเครือข่าย ลำดับที่ 1 มีการสร้างความสัมพันธ์ในการใช้ทรัพยากร ร่วมกับสถานศึกษาอื่น ในระหว่างภาวะวิกฤตได้ ด้านภาวะผู้นำ ลำดับที่ 1 มีการประเมินผลเกี่ยวกับกลยุทธ์และแผนการปฏิบัติงานเพื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง
- การพัฒนารูปแบบการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน จากการสนทนากลุ่ม การประเมินผลหลังการทดลองใช้รูปแบบ จากการสัมมนา พบว่า ทุกด้านมีค่าเฉลี่ยในระดับที่มีความเหมาะสมโดยภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 92.03 มีความเหมาะสมมากกว่าก่อนทดลองใช้ คิดเป็นร้อยละ 89.93 แล้วนำมาประเมิน พบว่า โดยภาพรวม พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านความเป็นประโยชน์ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านความถูกต้อง มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ตามลำดับ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ในระดับมาก ได้แก่ ความเป็นไปได้
- ผลการเสนอรูปแบบการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 5 ส่วน ดังนี้ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ตัวแบบการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน 4) แนวทางการบริหารแบบยืดหยุ่นของผู้บริหารโรงเรียน มีแนวทางในการนำไปสู่การปฏิบัติ 5 แนวทางประกอบด้วย 1) ด้านภาวะผู้นำ 2) เครือข่าย 3) ความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง 4) โครงสร้างองค์กร 5) เทคโนโลยี และ 5) ปัจจัยเงื่อนไขความสำเร็จในการนำรูปแบบไปใช้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กุลทิกา วิบูลย์ปิ่น. (2565). การพัฒนากลยุทธ์การจัดการความยืดหยุ่นของธุรกิจกวดวิชาในระบบแฟรนไชส์ของประเทศไทย. สาขาวิชาการจัดการ แบบ 2.1. ใน ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร.
คารมณ์ เพียรภายลุน. (2566). ความเป็นผู้บริหารมืออาชีพ. เรียกใช้เมื่อ 25 ธันวาคม 2567 จาก https://www.kroobannok.com/23691
พระครูประโชติกิจจาภรณ์ (สุริยัญ สุริยวํโส). (2561). รูปแบบการสร้างความรับผิดชอบแบบมีส่วนร่วมของนักเรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา. ใน วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพุทธบริหารการศึกษา. (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พิชญ์พจี สายเชื้อ. (2561ก). องค์กรที่มีความยืดหยุน. เรียกใช้เมื่อ 25 ธันวาคม 2562 จากhttps://www.prachachat.net/facebook-instant-article/news-182372
สมยศ นาวีการ. (2544). การบริหาร. กรุงเทพมหานคร: บรรณกิจ. หน้า 158.
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์. (2560). รายงานการวิจัย สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ การศึกษาความเป็นพลเมืองของผู้เรียนในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพมหานคร: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์.
รุจิรัตน์ ชนะชัยวิบูลวัฒน์. (2562). การทำงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Work). วารสารข้าราชการ, 61(4), 19-20.
เอมอร วิริยะขันติกุล. (2555). สภาพและแนวทางการพัฒนาการบริหารโรงเรียนเป็นฐานในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มกรุงเทพกลาง. วารสารวิจัยและพัฒนา, 4(1), 102-111.
Cattell, Raymond B. (1963). Manual for Junior-Senior High School Personality questionnaire “HSP” form A. IIIinois : The institute for personality and Ability Testing.
Ken Schwaber and Jeff Sutherland, คู่มือ Scrum™. เรียกใช้เมื่อ 21 สิงหาคม 2566 จาก https://scrumguides.org/docs/scrumguide/v2017/2017-Scrum-Guide-Thai.pdf
Robbins, S. P. a. C.. (2008). การจัดการและพฤติกรรมองค์การ. กรุงเทพมหานคร: เพียร์สัน เอ็ดดูเคชั่น อินโดไชน่า.