รูปแบบการเจริญอสุภกรรมฐาน : กรณีศึกษาวัดป่าศรีวิไลย์ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ 1) เพื่อศึกษาการเจริญกรรมฐานที่ปรากฏในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาการเจริญกรรมฐานตามแนวอสุภกรรมฐาน 3) เพื่อนำเสนอรูปแบบการเจริญอสุภกรรมฐาน ของวัดป่าศรีวิไลย์ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ซึ่งใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับหลักการ วิธีการเจริญอสุภกรรมฐาน แล้วนำข้อมูลมาเรียบเรียง วิเคราะห์ และอธิบายด้วยกระบวนการพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
1) การศึกษาการเจริญกรรมฐานที่ปรากฏในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท พบว่า กรรมฐาน หมายถึง อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งการเจริญภาวนาเพื่อพัฒนาจิตใจ การปฏิบัติกรรมฐาน หรือการเจริญกรรมฐานจัดเป็นคันถธุระในธุระคือกิจที่ต้องทำของพระพุทธศาสนา 2 อย่าง คือ คันถธุระ กับวิปัสสนาธุระ การฝึกหัดจิตให้สงบ สงัด และมีอารมณ์เป็นเอกัคคตาจิตข่มกิเลสที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ได้ กรรมฐานมี 40 ชนิด มี อนุสสติ 10 กสิณ 10 อสุภะ 10 เป็นต้น ซึ่งเหมาะสมกับคนจริตต่าง ๆ การปฏิบัติกรรมฐานจึงเป็นการบริหารจิตหรือการพัฒนาจิตเบื้องต้นให้สงบจากนิวรณ์ ทำให้จิตสงบและเกิดปีติ สุขสบายในชีวิตปัจจุบัน ไม่วุ่นวาย และลดความเครียดที่เกิดกับร่างกายและจิต ทำให้จิตเกิดความเข้มแข็ง ไม่กลัวอารมณ์ที่มากระทบใด ๆ มีความสงบสุขและเป็นฐานพัฒนาจิตให้เข้าสู่วิปัสสนาญาณชั้นสูงได้ง่าย
2) การเจริญกรรมฐานตามแนวอสุภกรรมฐาน พบว่า อสุภกรรมฐาน หมายถึง การพิจารณาซากศพเป็นอารมณ์ ซึ่งกำหนดไว้มีทั้งหมด 10 อย่าง ได้แก่ 1) ซากศพที่พองขึ้น 2) ศพที่มีสีเขียวคล้ำคละด้วยสีต่าง 3) ซากศพที่มีน้ำเหลืองไหล 4) ซากศพที่ขาดเป็น 2 ท่อน 5) ซากศพที่มีสัตว์กัดกิน 6) ซากศพที่กระจายไปในทิศต่าง ๆ 7) ซากศพที่ถูกฟันเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย 8) ศพที่ยังมีเลือดไหลออกอยู่ 9) ซากศพที่เต็มไปด้วยหนอน 10) ซากกระดูก หากผู้ปฏิบัติพิจารณาจนให้เกิดเป็นนิมิตได้ก็สามารถที่จะยกนิมิตนั้นขึ้นเป็นอารมณ์เพื่อพิจารณาได้ ซึ่งนิมิตดังกล่าวนั้นมี 2 ประเภท คือ อุคคหนิมิต และปฏิภาคนิมิต เมื่อเห็นได้ดังนี้แล้วแม้จะไม่มีซากศพก็สามารถยกขึ้นเป็นอารมณ์พิจารณาได้
3) รูปแบบการเจริญกรรมฐานตามแนวอสุภกรรมฐานของวัดป่าศรีวิไลย์ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร พบว่า เป็นการเจริญกรรมฐานทั้ง 2 อย่างไปด้วยกันคือ วิปัสสนากรรมฐานตามหลักมหาสติปัฏฐานโดยการรู้สภาวธรรมสรุปลงใน 4 ฐาน คือกาย เวทนา จิตและธรรม ให้เกิดเพียงการเกิด-ดับของขณะจิตและน้อมไปหาญาณชั้นสูง และการเจริญสมถกรรมฐานโดยการเจริญอสุภกรรมฐานเพื่อให้จิตไม่ฟุ้งซ่านกับอารมณ์เกาะเกี่ยวกับร่างกายของคน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ประกอบด้วย 1) รูปแบบการพิจารณาซากศพที่ตายและมีน้ำเหลืองไหลออกอยู่ มาเป็นอารมณ์ในการพิจารณาอสุภกรรมฐาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเพิจารณาให้เห็นถึงความไม่สวย ไม่งาม ความน่ารังเกียจ ความเปลี่ยนแปลงของสังขารร่างกายของมนุษย์เรา เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของตน 2) รูปแบบการพิจารณาซากศพที่เหลือแต่โครงกระดูก ซากศพที่ตายนานแล้วและเหลือแต่โครงกระดูก ทั้งที่สมบูรณ์ และไม่สมบูรณ์มาเป็นอารมณ์ในการพิจารณา เพื่อให้โยคีผู้ปฏิบัติได้พิจารณาถึงความไม่เที่ยงของสังขาร ร่างกายมนุษย์ สุดท้ายแล้วแม้แต่โครงกระดูกก็ย่อมผุพังไปตามกาลเวลา เมื่อปฏิบัติพิจารณาและฝึกฝนจนชำนาญติดจิตจะสามารถได้นิมิตเรียกว่า อารมณ์อสุภกรรมฐาน และสามารถยกระดับจิตของตนได้ตามลำดับต่อไป องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยคือรูปแบบ “VS-2A model ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในการเจริญกรรมฐานให้สูงขึ้นไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
__________. (2535). พระไตรปิฎกภาษาบาลีฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ 2500. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
__________. (2532). อรรถกถาภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาอฏฺฐกถา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
__________. (2539). ฎีกาภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาฎีกา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
__________. (2539). ปกรณวิเสสภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาปกรณวิเสโส. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์วิญญาณ.
พระมหาอํานวย อานนฺโท (จันทร์เปล่ง). (2542). การพิจารณาซากศพโดยใช้หลักอสุภกรรมฐาน. ใน วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาธีรยุทธ์ ธีรยุตฺโต (เกษตร สุนทร). (2547). การศึกษาเชิงวิเคราะห์เรื่อง อารมณ์สมถ กรรมฐานใน พุทธปรัชญาเถรวาท. ใน วิทยานิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย.