การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน กลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาผาน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2

Main Article Content

ไวย์โชค พลศรี
นพพงษ์ บุญจิตราดุลย์

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา 2. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน 3. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูผู้สอนกลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาผาน้อย ประชากร ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาผาน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 86 คนกลุ่มตัวอย่าง สุ่มแบบชั้นภูมิจากประชากร แบ่งตามโรงเรียน จำนวน 8 โรงเรียน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน (1970) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจำนวน83 คน เครื่องมือเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับแบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการใช้อำนาจของผู้บริหารโรงเรียน ตอนที่ 3 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


          ผลการวิจัยพบว่า


  1. การใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาผาน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.26 , S.D. = .02) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านอำนาจบังคับ และด้านอำนาจตามกฎหมาย อยู่ในระดับมาก ( = 4.28 , S.D. = .06) รองลงมา คือ ด้านอำนาจการให้รางวัล ( = 4.25 , S.D. = .06) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านอำนาจบารมี อยู่ในระดับมาก ( = 4.23 , S.D. = .13)

  2. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน กลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาผาน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.23 , S.D. = .03) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ความต้องการความสัมพันธ์ อยู่ในระดับมาก ( = 4.05 , S.D. = .08)รองลงมา คือ ด้านความต้องการดำรงชีวิต ( = 4.22 , S.D. = .09) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ความต้องการเจริญก้าวหน้า อยู่ในระดับมาก ( = 4.20 , S.D. = .06)

  3. การใช้อำนาจของผู้บริหารโรงเรียนตามการรับรู้ของครูผู้สอน ด้านทั้ง 7 ด้านความสัมพันธ์ทางบวกกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูผู้สอน ด้านความต้องการเจริญก้าวหน้า ด้านความต้องการดำรงชีพ ด้านความต้องการความสัมพันธ์ ในระดับระดับสูง (r = 0.931, 0.918, 0.907 ตามลำดับ)   อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

Article Details

ประเภทบทความ
บทความ

เอกสารอ้างอิง

บัญชา อึ๋งสกุล. (2545). ประสิทธิภาพของผู้บริหารการศึกษาในยุคปฏิรูปการศึกษาวิชาการ. 5(3), 22-23.

รสสุคนธ์ พหลเทพ. (2527). ภูมิศาสตร์อำนาจในการบริหารงานมหาวิทยาลัย: กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง. ในวิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ศรินยาพร วงษ์ขันธ์. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู ในสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ 4. วารสารสิริน-ธรปริทรรศน์, 22(1), 179-193

สมพงษ์ เกษมสิน. (2550). การบริหาร. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต2. (2563). แผนปฏิบัติการประจำปี พ.ศ.2563. เลย: กลุ่มนโยบายและแผน.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2554). แนวทางการประเมินคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.

สุพิชชา มากะเต. (2558). การใช้อำนาจของผู้บริหารโรงเรียนที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูปฏิบัติการสอนโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6. ใน วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิตสาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยบูรพา.

Alderfer, C. P. (1972). Existence relatedness and growth : Human needs in organizational setting. New York: Free Press.

Hersey, P., & Blanchard, K.H. (1993). Management of organizational behavior: Utilizing human resources (6th ed.). New Jersey: Prentice-Hall.

Likert, R. (1967).The human organization. New York: McGraw-Hill.