รูปแบบการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจ คลินิกเสริมความงามในประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจคลินิกเสริมความงามในประเทศไทย 2. วิเคราะห์อิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวม ของปัจจัยที่มีอิทธิพลการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจคลินิกเสริมความงามในประเทศไทย ในประเทศไทย และ 3. พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจคลินิกเสริมความงามในประเทศไทย การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน โดยการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ประกอบการ จำนวน 440 ราย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างโดยโปรแกรมลิสเรล
ผลการวิจัยพบว่า 1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออิทธิพลต่อรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยได้แก่ การบริหารงานบริการ การบริหารการตลาด การจัดการเพื่อความภักดี สภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน และการใช้ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 2. การบริหารงานบริการ การบริหารการตลาด การจัดการ เพื่อความภักดี สภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน และการใช้ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ มีอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมต่อการเติบโตของธุรกิจเสริมความงามในประเทศไทย ซึ่งค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้องของโมเดล ผลการวิเคราะห์มีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (Model Fit) มีค่าทดสอบคือ Chi-square เท่ากับ 775.64 χ2/df เท่ากับ 4.43 ค่า p value เท่ากับ 0.00 ค่า RMSEA เท่ากับ 0.088 ค่า CFI เท่ากับ 1.00 ค่า RMR เท่ากับ 0.041 ค่า GFI เท่ากับ 0.97 และ AGFI เท่ากับ 0.92 และ (3) รูปแบบการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตของผู้ประกอบการธุรกิจคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยมีความสัมพันธ์กันเมื่อพิจารณาค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรของการปรับโมเดล
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย.์ (2566). สถิติการจดทะเบียนนิติบุคคลคงอยู่ใน
ประเทศไทย. เรียกใช้เมื่อ 1 มิถุนายน 2566 จาก http://datawarehouse.dbd.go.th/bdw/menu/est/1.html.
ไพโรจน์ ปิยะวงศ์วัฒนา. (2555). มุมมองภายในและภายนอกเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เสน่ห์ จุ้ยโต. (2558). การบริหารนวัตกรรมแนวใหม่. นนทบุรี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช.
DOCTOR COSMETICS. (2018). โอกาสทางธุรกิจของคลินิกเสริมความงาม โดยศูนย์วิจัยกสิกร. เรียกใช้เมื่อ 15 มิถุนายน 2566 จาก https://doctorcosmetics.com
Economic Intelligence Center (EIC). (2024). เปิดมุมมองความสวยยุคใหม่ โอกาสเติบโตของเวชศาสตร์ความงาม. เรียกใช้เมื่อ 15 มิถุนายน 2566 จาก https://www.scbeic.com/th/detail/product/9466
Banbury, M. C., & Mitchell, W. (2010). The efect of introducing important incremental innovations on market share and business survival. Retrieved January 10, 2010, from http://www3.interscience. wiley.com/journal/11412426 6/abstract>January2010
Fruhling , A. L., & Siau, K. (2007). Assessing organizational innovation capability and its effect on e-commerce initiatives. Journal of Computer Information Systems, 48(1), 133-145.
Hair, J. F., Jr., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2010). Multivariate dataanalysis (7th ed.). Upper Saddle River, NJ: Prentice-Hall.
Kreiser, P. M., & Davis, J. (2010). Entrepreneurial orientation and firm performance: Theunique impact of innovativeness, proactiveness and risk-taking. Journal of Small Business and Entrepreneurship, 23(1), 39-51.
Majeed, S. (2011). The impact of competitive advantage on organizational performance. European Journal of Business and Management, 3(4), 191-196.
Norarat Runkawee & Chanongkorn Kuntonbutr. (2016). The effect of innovativeness and learning orientation on firms performance. Suthiparithat Journal, 30(94), 68-82.
Tajeddini, K. (2011). The effects of innovativeness on effectiveness and efficiency.Education, Business, and Society: Contemporary Middle Eastern Issues, 4(1), 6-18.