https://so12.tci-thaijo.org/index.php/EAI/issue/feed
วารสารการบริหารการศึกษาและนวัตกรรมการศึกษา
2025-10-02T00:00:00+07:00
Asst.Prof. Dr.Thinnakorn Cha-umpong
thinnakorn.c@nsru.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารการบริหารการศึกษาและนวัตกรรมการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ </strong></p> <p><strong>ISSN : 2822-0056(Print) </strong><strong>ISSN 3027-8384 (Online)</strong></p> <p>รับพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย และบทความวิชาการ ทั้งบทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่มีสาระเกี่ยวกับการศึกษา ปรัชญาการศึกษา การบริหารการศึกษา หลักสูตรและการเรียนการสอน จิตวิทยาการศึกษาและแนะแนว นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา การวัดและการประเมินผลทางการศึกษา วิจัยและสถิติการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา การศึกษาพิเศษ การพัฒนาวิชาชีพครู พหุวัฒนธรรมศึกษา แหล่งวิทยาการการเรียนรู้และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ตีพิมพ์เผยแพร่ 3 ฉบับต่อปี ดังนี้ ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน, ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม , ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม</p> <p><a href="https://so12.tci-thaijo.org/public/site/images/rapikorn/main-red-modern-sales-process-presentation-1.png" target="_blank" rel="noopener">ขั้นตอนและระยะเวลาการส่งบทความ</a></p>
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/EAI/article/view/3993
รูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี เขต 1
2025-08-28T21:25:55+07:00
สมาพร ลี้ภัยรัตน์
samaporndr18@gmail.com
<p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา 2) พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา 3) ทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา และ 4) ประเมินรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 39 คน และครูจำนวน 124 คน โดยเก็บจากประชากรทั้งหมด ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า1) สภาพปัจจุบันการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก อยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์ อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความต้องการจำเป็น เมื่อพิจารณาตามขอบข่ายการบริหารงาน พบว่า ด้านการบริหารวิชาการ มีความต้องการจำเป็นสูงสุด 2) รูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย หลักการและแนวคิด วัตุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการ การวัดผลประเมินผล เงื่อนไขความสำเร็จ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตรวจสอบพบว่ามีความเหมาะสม 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมากที่สุด 4) ผลการประเมินรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ผลการประเมินคุณภาพนักเรียนจากรายงานสถานศึกษาประจำปี สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โรงเรียนมีนวัตกรรมการบริหาร ผู้เกี่ยวข้องความพึงพอใจต่อรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด</p>
2025-10-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและนวัตกรรมการศึกษา
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/EAI/article/view/3998
การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการเป็นนวัตกรของผู้เรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี เขต 1
2025-09-07T17:34:34+07:00
กุลธิดา อ่อนมี อ่อนมี
Kuntida.onm@utt1.go.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของการบริหารจัดการนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการเป็นนวัตกรของผู้เรียน 2) พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการเป็นนวัตกรของผู้เรียน 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการนวัตกรรมทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาผู้เรียนสู่การเป็นนวัตกร และ 4) ประเมินรูปแบบการบริหารจัดการนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการเป็นนวัตกรของผู้เรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 จำนวนรวม 951 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิในการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และการประเมินรูปแบบและคู่มือจำนวน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถาม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดย การวิเคราะห์เนื้อหา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความต้องการจำเป็น ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>สภาพการบริหารจัดการ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด <br />2. รูปแบบการบริหารจัดการนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการเป็นนวัตกรของผู้เรียน ประกอบด้วย 5 ส่วนประกอบ 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด 4. ผลการประเมินการเป็นนวัตกรของผู้เรียนในสถานศึกษา หลังใช้รูปแบบ สูงกว่าก่อนใช้รูปแบบ ผลการพัฒนานวัตกรรม ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 48 คน ครูมีการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้จำนวน 120 นวัตกรรม นักเรียนสามารถพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของตนเองได้จำนวน 60 นวัตกรรม รูปแบบในระดับมากที่สุดทั้ง 4 ด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดได้แก่ ด้านความเหมาะสม และความเป็นประโยชน์ รองลงมาได้แก่ ด้านความเป็นไปได้และความถูกต้อง ตามลำดับ</li> </ol>
2025-10-20T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและนวัตกรรมการศึกษา
https://so12.tci-thaijo.org/index.php/EAI/article/view/3589
ความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในยุค BANI World กับประสิทธิผลของการบริหารกิจการนักเรียน สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2025-07-15T13:22:09+07:00
ฐิติกมลสิริ ลาโพธิ์
lppukpui@gmail.com
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในยุค BANI World 2) ศึกษาประสิทธิผลของการบริหารกิจการนักเรียน 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารกิจการนักเรียน และ 4) นำเสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในยุค BANI World ด้านการบริหารกิจการนักเรียน สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน วิธีวิจัยเป็นแบบผสมผสาน (Mixed Method Research) ใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่างคือครูผู้สอน 400 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า</p> <p> 1) สมรรถนะของผู้บริหารอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่สูงที่สุดคือการมีวิสัยทัศน์และการวางแผนระยะยาว ขณะที่ต่ำที่สุดคือการจัดการกับความเครียด 2) ประสิทธิผลของการบริหารกิจการนักเรียนอยู่ในระดับมาก โดยด้านการวางแผนงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด และด้านการประเมินผลต่ำสุด 3) สมรรถนะของผู้บริหารมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูงกับประสิทธิผลการบริหารกิจการนักเรียน (r = 0.833) โดยเฉพาะด้านการปรับตัวและความยืดหยุ่นสัมพันธ์กับการวางแผนงาน (r = 0.925) และ 4) แนวทางพัฒนาสมรรถนะ ได้แก่ การปรับแผนตามสถานการณ์ การดูแลสุขภาพจิต การประเมินความเสี่ยง การใช้สื่อดิจิทัล การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเป้าหมายร่วม การส่งเสริมการมีส่วนร่วม การพัฒนาทักษะใหม่ และการทำงานร่วมกับชุมชน</p>
2025-10-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและนวัตกรรมการศึกษา